ฟ้าผ่า...ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อันตรายไม่ต้องสาบานก็มีสิทธิ์เสี่ยงตายไหม้เกรียมได้
ฟ้าผ่า...ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่อันตรายไม่ต้องสาบานก็มีสิทธิ์เสี่ยงตายไหม้เกรียมได้
ในแต่ละปีมีเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกเสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่ามากกว่า 1,000 ราย เมืองไทยมีเด็กอายุน้อยกว่า 17 ปี เสียชีวิตเพราะถูกฟ้าผ่าเฉลี่ยปีละ 20 คน นับเป็น ความสูญเสียที่น่าเศร้า เพราะเราสามารถป้องกันตัวเองจากภัยธรรมชาตินี้ได้หากมีความ รู้และไม่ประมาท
เมื่อพ.ศ.2295 นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ชื่อเบญจามิน แฟรงคลิน ได้พิสูจน์ให้รู้กันแน่นอนว่า ในก้อนเมฆมีประจุไฟฟ้า หรืออำนาจไฟฟ้า โดยการปล่อยว่าวขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เขาพบว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลไปตามสายว่าวแล้วกระโดดไปยังมือของเขา
การทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่ามีประจุไฟฟ้าเกิดขึ้นในก้อนเมฆในขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เมฆบางก้อนมีประจุไฟฟ้าบวก แต่บางก้อนมี ประจุไฟฟ้าลบ เมื่อเมฆมีประจุไฟฟ้าต่างกันมาอยู่ใกล้กัน จะทำให้ประจุไฟฟ้าจากเมฆก้อนหนึ่งกระโดดไปยังเมฆอีกก้อนหนึ่ง
การกระโดดนี้จะทำให้เกิดประกายไฟขี้น เรียกประกายไฟนี้ว่า "ฟ้าแลบ" ขณะที่เกิดประกายไฟจะมีเสียงด้วย เรียกว่า "ฟ้าร้อง"
บางครั้งประจุไฟฟ้าในก้อนเมฆอยู่ใกล้พื้นดิน มากกว่าเมฆก้อนอื่น มันจะกระโดดลงสู่พื้นดินซึ่งอันตรายมาก ตึกสูงๆ หรือต้นไม้สูง ที่ถูกไฟฟ้าในก้อนเมฆกระโดดเข้าไปใส่ จะเกิดอันตรายเพราะกระแสไฟฟ้ามีความรุนแรงมาก เรียกว่า "ฟ้าผ่า" ดังนั้น ในขณะที่ฝนตก ไม่ควรไปยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ เพื่อป้องกันอันตราย และบนตึกสูงๆ ควรจะมีสายล่อฟ้าเอาไว้
ฟ้าแลบไม่ได้มีแต่ผลเสียเพียงอย่างเดียว แต่ผลพลอยได้ของการเกิดพายุฟ้าคะนอง คือ การเพิ่มพูนปริมาณของสารประกอบไนโตรเจนให้แก่ดิน โดยมีการคาดการณ์ไว้ว่า ฟ้าแลบครั้งหนึ่งจะทำให้ธาตุไนโตรเจนตกลงมายังพื้นดิน 2 กิโลกรัม ต่อพื้นที่จำนวน 1 ไร่ ในเวลาหนึ่งปี และเมื่อคิดคำนวณ ทั้งโลก พบว่าจะมีธาตุไนโตรเจนตกลงมายังโลกทั้งสิ้น 770 ล้านตัน
ในขณะที่เกิดฟ้าแลบ พลังงานบางส่วนที่เกิดจากฟ้าแลบ จะทำให้ไนโตรเจนทำปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจน เกิดเป็นสารประกอบไนตริกออกไซต์ สารประกอบไนตริกออกไซต์จะเกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปเป็นไนโตรออกไซต์ ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่มีการละลายได้ดีในน้ำฝน และจะเปลี่ยนเป็นกรดดินประสิว ตกลงมายังพื้นโลก เมื่อตกลงมาแล้วจะไปรวมตัวกับสารเคมีอื่นๆ บนพื้นโลก กลับกลายเป็นแคลเซียมไนเตรทในที่สุด แคลเซียมไนเตรท เป็นปุ๋ยที่ดีสำหรับพืช ดังนั้นการเกิดฟ้าแลบฟ้าคะนองนอกจากจะช่วยให้พื้นดินชุ่มฉ่ำแล้ว ยังช่วยเพิ่มปุ๋ยให้กับพืชด้วย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย แนะวิธี ป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าในฤดูฝน ดังนี้
• อยู่กลางแจ้ง สังเกตสายฟ้า หากเอียงเกิน 45 องศา แสดงว่าพายุกำลังเคลื่อนตัวหนี จากตำแหน่งที่เราอยู่ แต่ถ้ามีลักษณะตรงๆ หรือเอียงไม่เกิน 45 องศา แสดงว่าพายุ กำลังเคลื่อนตัวมาหาเรา หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ซึ่งถ้าอยู่กลางแจ้งไม่สามารถหาที่ หลบได้ ให้นั่งทำตัวให้อยู่ต่ำมากที่สุดคือ นั่งยองๆ ขาชิดกันที่พื้น แต่ห้ามนอนเด็ดขาด เพราะฟ้าผ่าจะเกิดจากความพยายามลดความต่างศักย์ระหว่างก้อนเมฆกับพื้นดิน หลัง จากก้อนเมฆได้สะสมประจุไว้ในลักษณะไฟฟ้าสถิต จะลดระดับเข้าใกล้พื้นดินทำให้ เกิดความต่างศักย์ขึ้น การนอนจะยิ่งเพิ่มความต่างศักย์ทำให้เกิดอันตรายมากกว่านั่ง
• ห้ามหลบใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ป้ายโฆษณา วัสดุคอนกรีต และเสาไฟฟ้าแรงสูงที่มี ส่วนประกอบหลักเป็นโลหะเพราะฟ้ามักผ่าลงที่สูงและบริเวณที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องประดับเงิน ทองคำ ทองแดง นาค สร้อยโลหะ กำไล และร่มที่มีส่วนยอดเป็น โลหะ ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร โทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่หลบในตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วน ประกอบของโลหะ สายอากาศ และแบตเตอรี่ที่เป็นตัวล่อไฟฟ้า ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดจะ ใช้หรือไม่ใช้เครื่อง หากอยู่ในมือจะมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
• อยู่ในอาคาร ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้าจะปลอดภัยกว่า ไม่ควรอยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะขณะฟ้าร้องฟ้าผ่า เลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าทุก ชนิด โดยเฉพาะโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น หรือแม้แต่โทรศัพท์ เพราะเมื่อฟ้าผ่าลงบ้านอาจจะเกิดการกระจายของไฟฟ้าไหลไปตามเครื่องใช้และสื่อนำ ไฟฟ้าต่างๆ ยิ่งบ้านไหนไม่มีสายล่อฟ้าหรือสายดินยิ่งต้องระวัง
• อยู่ในรถ ปลอดภัยกว่ากลางแจ้งขณะเกิดฟ้าผ่า เพราะรถยนต์มีโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า แต่ไม่ดีนัก ควรปิดกระจกให้มิดชิดกันการผ่านของกระแสไฟฟ้าที่ผ่าลงมาเข้าสู้รถ หากดวงซวยเกิดฟ้าผ่าลงรถตรงๆ ก็ควรตั้งสติให้มั่น อย่าออกจากรถ เพราะกระแส ไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากวิ่งออกมานอกรถยิ่งมีความ เสี่ยงสูงที่จะถูกฟ้าผ่า การหลบฟ้าผ่าในรถจึงเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุด เพราะโครงสร้าง รถยนต์เป็นโลหะนำไฟฟ้าที่ไม่ดีนัก และมียางรถยนต์ช่วยยกระดับให้พ้นจากพื้นน้ำ จึง ช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้
ประเด็นคำถามจากสาระการเรียนรู้
1. ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
2. มีอะไรเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าแลบ
2. จะมีวิธีป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าในฤดูฝนได้อย่างไร
แหล่งที่มา : https://variety.teenee.com/foodforbrain/15157.html/
https://board.dserver.org/w/wwwt/00000106.html
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=706