วันที่ 10 พ.ค.นี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 รวมทั้ง E 20 ลงลิตรละ 80 สตางค์
วันที่ 10 พ.ค.นี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 รวมทั้ง E 20 ลงลิตรละ 80 สตางค์ ยกเว้นน้ำมันดีเซล และ E 85 มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในปั๊มบางจากทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล วันที่ 10 พ.ค. เป็นดังนี้ เบนซิน 91ราคาลิตรละ 36.84 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ราคาลิตรละ 31.54 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 33.04 บาท และ E 20 ราคาลิตรละ 30.74 บาท ( ที่มา https://www.thairath.co.th/content/eco/81856)
ภาพที่ 1 น้ำมันเชื้อเพลิง
( ที่มา https://www.thaienergydata.in.th/energynew/EnergyInput/econtent/upload_pic/201_1247109364.jpg)
น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในรถยนต์ที่เรารู้จักกันดี หลัก ๆ ก็คือน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินนะคะ ซึ่งน้ำมันทั้งคู่นี้
จัดเป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมพวกสารประกอบไฮโดรคาร์บอน(ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน) ซึ่งได้จากกระบวน
การกลั่นน้ำมันดิบ ส่วนแก๊สโซฮอล์ E 20 และ E85 เป็นส่วนผสมระหว่างน้ำมันเบนซินกับเอทานอลด้วยอัตราส่วนที่
แตกต่างกัน เช่น E20 ใช้น้ำมันเบนซิน 80 % และ เอทานอล 20 %ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเลือกใช้ได้ค่ะ
ส่วนน้ำมัน B5 เป็นไบโอดีเซลที่มีส่วนผสมระหว่างน้ำมันดีเซลและไบโอดีเซลด้วยอัตราส่วน 95 : 5 ค่ะ
********* มาศึกษารายละเอียดของกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงกันนะคะ *********
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ทุกระดับชั้น และผู้สนใจทั่วไป
เรื่อง กระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ
การกลั่นน้ำมัน(Oil refinery) คือกระบวนการแปรรูปจากน้ำมันดิบ เป็น ผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่างๆที่นำไปใช้ประโยชน์ได้เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันเตา โดยกระบวนการมีผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น สารเหลือค้าง (Residues) เช่น ถ่านโค้ก (Coke) แอสฟัลต์ (Asphalt) และ บิทูเม็น (Bitumen)
หรือน้ำมันดิน (Tar) และขี้ผึ้ง
ภาพที่ 2 การกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง
( ที่มา https://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no11-14-16-49/images/refinery04.jpg)
กระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ
กระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ ใช้วิธีการกลั่นแบบลำดับส่วน โดยมีหลักการแยกตัวถูกละลายและตัวทำละลายที่มี
จุดเดือดต่างกันเล็กน้อย (น้อยกว่า 80 ๐C) โดยจะมีคอลัมน์บรรจุแก้ว หรือที่รู้จักกันว่า"หอกลั่น" เพิ่มขึ้นมา
วิธีการนี้คือการกลั่นน้ำมันแบบพื้นฐานซึ่งสามารถแยกน้ำมันดิบออกเป็นส่วน (Fractions) ต่างๆ กระบวนการนี้ใช้หลักการจากลักษณะของส่วนต่างๆของน้ำมันดิบที่มีค่าอุณหภูมิจุดเดือด(Boiling point) ที่ แตก ต่างกันออกไปและเป็นผลให้ส่วนต่างๆของน้ำมันดิบนั้นมีจุดควบแน่น (Condensation point) ที่แตกต่างกันออกไปด้วยน้ำมันดิบจาก ถังจะได้รับการสูบผ่านเข้าไปในเตาเผา (Furnace) ที่มีอุณหภูมิสูงมากพอที่จะทำให้ทุกๆส่วนของน้ำมันดิบแปรสภาพไปเป็นไอได้แล้วไอ น้ำมันดังกล่าวก็จะถูกส่งผ่านเข้าไปในหอกลั่นลำดับส่วน (Fractionating tower) ที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกมีขนาดความสูงประมาณ ๓๐ เมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒.๕ - ๘ เมตรภายในหอกลั่นดังกล่าวมีการแบ่งเป็นห้องต่างๆหลายห้องตามแนวราบ โดยมีแผ่นกั้นห้องที่มีลักษณะคล้ายถาดกลมโดยแผ่นกั้นห้องทุกแผ่นจะมี
การเจาะรูเอาไว้ เพื่อให้ไอน้ำมันที่ร้อนสามารถผ่านทะลุขึ้นสู่ ส่วนบนของหอกลั่นได้ และมีท่อต่อเพื่อนำน้ำมันที่กลั่นตัวแล้วออกไปจากหอกลั่นเมื่อไอน้ำมันดิบที่ร้อนถูกส่งให้เข้าไปสู่หอกลั่นทางท่อ ไอจะเคลื่อนตัวขึ้นไปสู่ส่วนบนสุดของหอกลั่น และขณะที่เคลื่อนตัวขึ้นไปนั้นไอน้ำมันจะเย็นตัวลง และควบแน่นไปเรื่อยๆแต่ละส่วนของไอ น้ำมันจะกลั่นตัวเป็นของเหลวที่ระดับต่างๆในหอกลั่นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของการควบแน่นที่แตกต่างกันออกไปน้ำมันส่วนที่เบากว่า (Lighter fractions) เช่น น้ำมันเบนซิน (Petrol) และ พาราฟิน (Parafin) ซึ่งมีค่าอุณหภูมิของการควบแน่นต่ำจะ กลายเป็นของเหลว ที่ห้องชั้นบนสุดของหอกลั่นและค้างตัวอยู่บนแผ่นกั้นห้องชั้น บนสุดน้ำมันส่วนกลาง (Medium fractions) เช่น
ดีเซล (Diesel) น้ำ มัน แก๊ส (Gas oils) และ น้ำมันเตา (Fuel oils) บางส่วนจะควบแน่นและกลั่นตัวที่ระดับต่างๆตอนกลางของหอกลั่นส่วนน้ำมันหนัก (Heavy fractions) เช่น น้ำมันเตา และสารตกค้างพวกแอสฟัลต์ จะกลั่นตัวที่ส่วนล่างสุดของหอกลั่นซึ่งมีอุณหภูมิสูงและจะถูก ระบายออกไป จากส่วนฐานของหอกลั่นข้อเสียของกระบวนการกลั่นลำดับส่วน คือจะได้น้ำมันเบาประเภท ต่างๆ ในสัดส่วนที่น้อยมากทั้งที่น้ำมันเบา เหล่านี้ล้วนมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกลั่นน้ำมันดิบ
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกลั่นน้ำมันดิบ เรียงลำดับการแยกจากหอกลั่นดังนี้
ภาพที่ 3ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ
( ที่มา https://2.bp.blogspot.com/_xUa_XSasCII/SrdRIqTyEwI/AAAAAAAAAGE/-N-4BFvzl-8/s320/lesson3_data3_057.jpg)
1. ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas ; LPG) ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนบนสุดของหอกลั่นในกระบวนการกลั่นน้ำมัน หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลวมีจุดเดือดต่ำมาก จะมีสภาพเป็นก๊าซในอุณหภูมิและความดันบรรยากาศ ดังนั้น ในการเก็บรักษาก๊าซปิโตรเลียมเหลวจะต้องเพิ่มความดันหรือลดอุณหภูมิ เพื่อให้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเปลี่ยนสภาพจากก๊าซเป็นของเหลว เพื่อความสะดวกและประหยัดในการเก็บรักษา ก๊าซปิโตรเลียมเหลวใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ดี และเวลาลุกไหม้ให้ความร้อนสูง และมีเปลวสะอาดซึ่งโดยปกติจะไม่มีสีและกลิ่นแต่ผู้ผลิตได้ใส่กลิ่นเพื่อให้สังเกตได้ง่ายในกรณีที่เกิดมีก๊าซรั่วอันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ การใช้ประโยชน์ ก็คือ การใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับหุงต้ม เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์และรถยนต์ รวมทั้งเตาเผาและเตาอบต่าง ๆ
2.น้ำมันเบนซิน (Gasolin) น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน หรือเรียกว่าน้ำมันเบนซิน ได้จากการปรับแต่งคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันโดยตรง และจากการแยกก๊าซธรรมชาติเหลว น้ำมันเบนซินจะผสมสารเคมีเพิ่มคุณภาพ เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น เพิ่มค่าออกเทน สารเคมีสำหรับป้องกันสนิมและการกัดกร่อนในถังน้ำมันและท่อน้ำมัน เป็นต้น
3. น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินใบพัด (Aviation Gasoline) ใช้สำหรับเครื่องบินใบพัด มีคุณสมบัติคล้ายกับน้ำมันเบนซินในรถยนต์ แต่ปรุงแต่งคุณภาพให้มีค่าออกเทนสูงขึ้น ให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินซึ่งต้องใช้กำลังขับดันมาก
4. น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น (Jet Fuel) ใช้เป็นเชื้อเพลิงไอพ่นของสายการบินพาณิชย์เป็นส่วนใหญ่
มีช่วงจุดเดือดเช่นเดียวกับน้ำมันก๊าดแต่ต้องสะอาดบริสุทธิ์มีคุณสมบัติบางอข่างดีกว่าน้ำมันก๊าด
5. น้ำมันก๊าด (Kerosene) ประเทศไทยรู้จักใช้น้ำมันก๊าดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมใช้เพื่อจุดตะเกียงแต่ปัจจุบัน ใช้ประโยชน์หลายประการ เช่น เป็นส่วนผสมสำหรับยาฆ่าแมลง สีทาน้ำมันชักเงา ฯลฯ
6. น้ำมันดีเซล (Diesel Fuel) เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์ที่มีพื้นฐานการทำงานแตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน คือ การจุดระเบิดของเครื่องยนต์ดีเซลใช้ความร้อนซึ่งเกิดขึ้นจากการอัดอากาศอย่างสูงในลูกสูบ มิใช่เป็นการจุดระเบิดของหัวเทียนเช่นในเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน ปัจจุบันเราใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมักเป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น รถบรรทุก รถโดยสาร รถแทรกเตอร์ เป็นต้น
7. น้ำมันเตา (Fuel Oil) น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเตาต้มหม้อน้ำ และเตาเผาหรือเตาหลอมที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ เครื่องยนต์เรือเดินสมุทรและอื่น ๆ
8. ยางมะตอย (Asphalt) ยางมะตอยเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนที่หนักที่สุดที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง และนำยางมะตอยที่ผ่านกรรมวิธีปรับปรุงคุณภาพจะได้ยางมะตอยที่มีคุณสมบัติดีขึ้น คือ มีความเฉื่อยต่อสารเคมีและไอควันแทบทุกชนิด มีความต้านทานสภาพอากาศและแรงกระแทกกระเทือน มีความเหนียวและมีความยืดหยุ่นตัวต่ออุณหภูมิระดับต่าง ๆ ดี
**** ดังนั้นเมื่อผ่านกระบวนการกลั่นแล้วจะได้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลายชนิด รวมทั้งน้ำมันดีเซล และน้ำมันเบนซินด้วยนะคะ และเมื่อนำมาผสมกับเอทานอล หรือไบโอดีเซล ก็จะได้ แก๊สโซฮอล์ E 20 E 85 และ B 5 ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ ของเราค่ะ ****
คำถาม VIP ชวนคิด
1. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เกิดจากส่วนผสมของน้ำมันเบนซินกับสารใด
2. E 20 คืออะไร
3. B 5 คืออะไร
4. การกลั่นมันดิบใช้กระบวนการใด
5. ผลิตภัณฑ์สุดท้ายในการกลั่นน้ำมันดิบคืออะไร
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ให้นักเรียนสำรวจประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในปัจจุบัน
2.ให้นักเรียนเสนอวิธีการประหยัดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลง
3.ให้นักเรียนลองเรียงลำดับผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ
การบูรณาการ
1. ให้นักเรียนนับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซล และเครื่องยนต์เบนซิน
2. ให้นักเรียนเขียนเรียงความเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน
3. ให้นักเรียนเสนอวิธีการหาพลังงานทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
1. https://www.thairath.co.th/content/eco/81856
2. https://th.wikipedia.org/wiki/การกลั่นน้ำมัน
3. https://www.thaienergydata.in.th/energynew/EnergyInput/econtent/upload_pic/201_1247109364.jpg
4. https://www.tharua.ac.th/tharua/e-learning/petroleum/petrolium16862/petroleum/nummandeb.html
5. https://www.thaienergydata.in.th/energynew/EnergyInput/econtent/upload_pic/201_1247109364.jpg
6. https://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no11-14-16-49/images/refinery04.jpg
7. https://2.bp.blogspot.com/_xUa_XSasCII/SrdRIqTyEwI/AAAAAAAAAGE/-N-4BFvzl-8/s320/lesson3_data3_057.jpg
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2438