สารเคมีในขมิ้นlามารถตรวจหาสารระเบิดอย่างทีเอ็นที (TNT) แทนสารเคมีที่อื่นๆ ได้
1 บทนำ
นักวิจัยอเมริกันเสนอว่า สารเคมีในขมิ้นนั้นสามารถตรวจหาสารระเบิดอย่างทีเอ็นที (TNT) แทนสารเคมีที่ซับซ้อนอื่นๆ ได้ ด้วยความสามารถในการจับโมเลกุลของสารระเบิดในอากาศแล้วเปล่งแสงออกมา ซึ่งการตรวจวัดสารเรืองแสงนี้เป็นเทคนิคที่ถูกประยุกต์ใช้ในการตรวจวัดและวิเคราะห์ต่างๆ มากมาย
2 ประเด็นจากข่าวเพื่อนำเข้าสู่เนื้อหาหลักเรื่องการทำโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างง่าย
3 เนื้อหาสำหรับ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นม.๓
ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e0/Nagasakibomb.jpg
4 เนื้อเรื่อง
โลกในยุคปฏิวัติเขียวการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะเรื่องของสารเคมีบางอย่าง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจึงเป็นหน้าที่ของนักวิจัยจากทั่วโลกที่จะต้องศึกษาค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ ส่วนเราเป็นเพียงนักเรียน ครูธรรมดาที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนักวิจัยน้อยโดยเริ่มจากการพิจารณางานของนักวิจัยที่ประสบความสำเร็จในการค้นคว้าเรื่องใกล้ตัวใหม่ๆในชีวิตประจำวันจนมาพบผลงานชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพืชชนิดหนึ่งที่มีความผูกพันกับชีวิตคนไทยมาก
การเริ่มต้นศึกษาสิ่งใดเกี่ยวกับการทำโครงงานทางวิทยาศาสตร์ต้องถามตัวเองให้ได้ว่าปัญหาที่เราตั้งไว้คืออะไรจะใช้วิธีใดแก้ปัญหาและปัญหานั้นจะแก้ได้โดยวิธีใดจึงจะบรรลุผลตามความคาดหวังหรือไม่ นี่คือวิธีการทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆที่จะนำไปสู่การวิจัยที่ยิ่งใหญ่
มีผู้กล่าวว่าพืชในครัวไทยมีคุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์อย่างมากและ “ขมิ้น” ก็ถูกเลือกให้เป็นพระเอกของเรื่อง เมื่อขมิ้นได้รับการกระตุ้นจะปลดปล่อยแสงออกมาในรูปของแสงสีที่แตกต่างกัน บางชนิดเรืองแสงในความมืด และความเข้มของแสงที่ปลดปล่อยนั้นเปลี่ยนแปลงได้ หากมีโมเลกุลต่างชนิดผสมเข้ากับโมเลกุลเรืองแสง และเซนเซอร์จะตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงนี้ นอกจากมีคุณสมบัติต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทางการแพทย์แล้ว สารเคมีใน “ขมิ้น” ยังใช้เป็นวัตถุผลิตเครื่องตรวจสารระเบิดราคาถูกได้ จากคุณสมบัติเปล่งแสงเมื่อสัมผัสสารระเบิดในอากามีคุณสมบัติต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทางการแพทย์แล้ว สารเคมีใน “ขมิ้น” ยังใช้เป็นวัตถุผลิตเครื่องตรวจสารระเบิดราคาถูกได้ จากคุณสมบัติเปล่งแสงเมื่อสัมผัสสารระเบิดในอากาศนอกจากมีคุณสมบัติต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในทางการแพทย์แล้ว สารเคมีใน “ขมิ้น” ยังใช้เป็นวัตถุผลิตเครื่องตรวจสารระเบิดราคาถูกได้ จากคุณสมบัติเปล่งแสงเมื่อสัมผัสสารระเบิดในอากาศ
บีบีซีนิวส์รายงานว่า ขณะนี้ อภิเชก กุมาร (Abhishek Kumar) จากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเสตต์ (University of Massachusetts) ในโลเวลล์ สหรัฐฯ กำลังศึกษาคุณสมบัติการเรืองแสงของส่วนประกอบในแกงกะหรี่ เพื่อพัฒนาวิธีการตรวจหาสารระเบิดราคาถูก
“ถ้าคุณมีทีเอ็นทีอยู่ 1 กรัมในห้องนี้ แล้วคุณสุ่มตัวอย่างโมเลกุลอากาศสักพันล้านโมเลกุลจากในห้อง คุณจะพบโมเลกุลทีเอ็นทีแค่ 4-5 โมเลกุล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโมเลกุลเหล่านั้นถึงตรวจหาได้ยากเหลือเกิน และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ (US State Department) ประเมินว่า มีกับระเบิดอยู่ทั่วโลกมากกว่า 60-70 ล้านลูก ซึ่งเราต้องการอุปกรณ์ตรวจจับแบบพกพาสะดวก ราคาถูก มีความไวสูงและง่ายต่อการดูแล” กุมารกล่าวระหว่างการประชุมวิชาการของสมาคมฟิสิกส์อเมริกัน (American Physical Society)
ที่มาภาพ : https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/18/Koeh-199.jpg
ทีมของกุมารได้แนวคิดในการใช้ประโยชน์จากการเรืองแสงของขมิ้นระหว่างที่พวกเขากำลังศึกษาการประยุกต์ใช้ขมิ้นในทางชีววิทยา โดยพยายามหาวิธีทำให้ละลายในน้ำได้ง่าย ซึ่งเขาบอกว่าคนส่วนใหญ่จะสนใจการประยุกต์ใช้ขมิ้นในเชิงชีววิทยา เช่น การบำบัดมะเร็งและโรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น
5. ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน
5.1 ลำดับขั้นของการศึกษาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วยอะไรบ้าง
5.2 การพิจารณาเลือกทำโครงงานวิทยาศาสตร์ควรเริ่มต้นอย่างไร
5.3 ข้อดีของการทำโครงงานวิทยาศาสตร์เป็นเช่นไร
6. กิจกรรมเสนอแนะ
6.1 ให้ผู้เรียนศึกษาผลงานการวิจัยของนักวิจัยไทยจำนวน 2 ท่านแล้วเปรียบเทียบการได้มาของผลการวิจัยโดยอธิบายกระบวนการที่ใช้ในการศึกษา
6.2 ตัวแทนผู้เรียนนำเสนอหน้าชั้นเรียน
7. การบูรณาการกับสาระวิชาอื่นๆ
- สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ(คหกรรม) ...เรื่องระเบิดเวลากับแกงกระหรี่...
- สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา(เศรษฐกิจพอเพียง) ...เรื่องสารเคมีในชีวิตประจำวันของไทย...
- สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา(ภูมิศาสตร์) ...เรื่องถิ่นกำเนิดของขมิ้น...
- อื่นๆอีกมากมาย
8. อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูล
ที่มา https://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039191
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3729