ลดเวลาออกกำลังกายลงแถมได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น เป็นการอ้างเหตุผลสมเหตุสมผลหรือไม่
ออกกำลังให้น้อยลง แต่ได้ประโยชน์มากขึ้น ... กับ การอ้างเหตุผล
ลดเวลาออกกำลังกายลงแถมได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก ถ้าใช้เคล็ดลับตามนี้
วิ่งด้วยความเร็ว 6 กม./ชม. 36 นาที เปลี่ยนเป็น วิ่งแค่ 30 นาที แต่เปลี่ยนวิธีการวิ่งด้วยการวิ่งให้เร็วขึ้นหนึ่งนาทีสลับกับการวิ่งตามความเร็วปกติ และสลับกันอย่างนี้ไปจนครบ 30 นาที ผลที่ได้ คุณจะเผาผลาญได้พอๆ กัน (ราว 300 แคลอรี่) ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้นและการวิ่งก็รู้สึกง่ายขึ้น
ขี่จักรยานอยู่กับที่ด้วยความเร็ว 5 กม./ชม. 40 นาที เปลี่ยนเป็น ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 7-8 กม./ชม. และเพิ่มแรงต้านขึ้นอีกสองหรือสามระดับในเวลา 20 นาที ผลที่ได้ การเผาผลาญแคลอรี่ในจำนวนเท่ากัน (ราว 230 แคลอรี่) ในเวลาเพียงครึ่งเดียว
ว่ายน้ำท่าฟรีสไตล์ 20 นาที เปลี่ยนเป็น ว่ายน้ำแค่ 10 นาที แต่สลับด้วยการว่ายท่ากบหรือท่าผีเสื้อเพื่อออกกำลังกล้ามเนื้อหลายส่วนขึ้น ผลที่ได้ ร่างกายส่วนบนที่แข็งแรงขึ้น และการได้เผาผลาญราว 150 แคลอรี่เท่ากัน
ที่มาของข้อมูล : https://www.mcot.net/cfcustom/cache_page/65995.html
คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
การเชื่อมประพจน์ ในวิชาคณิตศาสตร์หรือในชีวิตประจำวัน จะพบประโยคที่ได้จากการเชื่อมประโยคอื่นๆ ด้วยคำว่า“และ” “หรือ” “ถ้า...แล้ว...” “ก็ต่อเมื่อ” หรือพบประโยคซึ่งเปลี่ยนแปลงมาจากประโยคเดิมโดย
เติมคำว่า “ไม่” คำเหล่านี้เรียกว่า ตัวเชื่อม(connectives) เช่น ในการเชื่อมประโยคโดยส่วนมากจะใช้คำเชื่อม ดังนี้
และ Λ
หรือ V
ถ้า...แล้ว →
ก็ต่อเมื่อ ↔
นิเสธ ~
จะทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามเช่น จริง เป็น เท็จ อาจมีคำอื่นก็ได้ เช่น คำว่า และ = แต่ กับ
ตัวอย่าง เช่น
pΛq แทน p และ q
pVq แทน p หรือ q
p→q แทน ถ้า p แล้ว q
p↔q แทน p ก็ต่อเมื่อ q
~p (T) แทน p (F)
วิธีคิดแถวของตารางค่าความจริงนั้น โดยใช้สูตร 2n ( n คือ จำนวนของประพจน์ ) เช่น
มี 2 ประพจน์ ได้แก่ p,q 22 เท่ากับ 4 แถว
มี 3 ประพจน์ ได้แก่ p,q,r 23 เท่ากับ 8 แถว
มี 4 ประพจน์ ได้แก่ p,q,r,s 24 เท่ากับ 16 แถว
การเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อม "และ"
การเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อม "หรือ"
การเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อม "ถ้า...แล้ว..."
การเชื่อมประพจน์ด้วยตัวเชื่อม "ก็ต่อเมื่อ"
นิเสธของประพจน์
ที่มาของข้อมูล https://inet.tht.in/page2.html
การหาค่าความจริงของประพจน์
ตารางค่าความจริงของประพจน์ที่มีตัวเชื่อมแบบต่างๆ ช่วยในการหาว่าประพจน์ใดเป็นจริงหรือเท็จ ดังในตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าความจริงของประโยคต่อไปนี้ “เชียงใหม่และธนบุรีเคยเป็นเมืองหลวงของไทย”
วิธีทำ ให้ p แทน เชียงใหม่เคยเป็นเมืองหลวงของไทย ให้ q แทน ธนบุรีเคยเป็นเมืองหลวงของไทย
ประโยคที่กำหนดให้อยู่ในรูป p Λ qเนื่องจาก p เป็นเท็จ และ q เป็นจริง จะได้ p Λ q เป็นเท็จ
ดังนั้น ประโยค “เชียงใหม่และธนบุรีเคยเป็นเมืองหลวงของไทย” มีค่าความจริงเป็นเท็จ
ตัวอย่างที่ 2 กำหนดให้ a , b และ c เป็นประพจน์ที่มีค่าความจริงเป็น จริง จริง และเท็จ ตามลำดับ จงหา (a Λ b) v c
วิธีทำ จาก a เป็นจริง b เป็นจริง จะได้ a Λ b เป็นจริง
จาก a Λ b เป็นจริง c เป็นเท็จ จะได้ (a Λ b) v c เป็นจริง
การอ้างเหตุผล
การอ้างเหตุผล คือการอ้างว่าเมื่อมีข้อความ P1 , P2 , P3 , ... , Pn
เชื่อมหนึ่ง แล้วสรุป ข้อความ c อันหนึ่งใด ดังนั้น การอ้างเหตุผลจะประกอบด้วย 2ส่วน
1. ส่วนที่เรียกว่าเหตุ คือส่วนที่กำหนดให้ซึ่งเป็นจริงเสมอ ได้แก่ ข้อความ P1 , P2 , P3 , ... , Pn
2. ส่วนที่เรียกว่าผล คือผลสรุปที่เกิดจากเหตุ ได้แก่ข้อความc หรือใช้วิธีหาข้อขัดแย้ง (โดยแทน F ในคำตอบ)
ถ้าออกมาขัดแย้ง เท่ากับสมเหตุสมผลแต่ถ้าออกมาไม่ขัดแย้ง เท่ากับไม่สมเหตุสมผล
คำถามในห้องเรียน
1. จงหาค่าความจริงจากประโยค "ออกกำลังให้น้อยลง แต่ได้ประโยชน์มากขึ้น"
2. นักเรียนคิดว่าถ้าออกกำลังให้น้อยลง แต่ได้ประโยชน์มากขึ้น สมเหตุสมผลหรือไม่ พร้อมให้เหตุผลประกอบ
ข้อเสนอแนะ
1. การอ้างเหตุผลสมเหตุสมผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับประโยคที่เป็นข้อความขัดแย้งกันหรือประโยคที่เป็นข้อความที่ไม่ขัดแย้งกัน
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
ที่มาของภาพ https://t2.gstatic.com/images?q=tbn:itKKamtHe18RoM:https://203.172.222.170/math/project51/610/reason610.files/image004.jpg
ที่มาของภาพ https://t0.gstatic.com/images?q=tbn:MTD8w850MzIxtM:https://203.172.222.170/math/project51/610/reason610.files/image079.jpg
ที่มาของภาพ https://t3.gstatic.com/images?q=tbn:Gwwfr1m0U0IPVM:https://www.sudsapda.com/SudSapDa2007/images_mag/639/story6.jpg
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2719