เพชร 4.2 กะรัต รางวัลมีสไทยแลนด์ฯ


982 ผู้ชม


“งามอย่างมีคุณค่า เพื่อการศึกษาของเด็กไทย”   

เพชร  4.2  กะรัต รางวัลมีสไทยแลนด์ฯ

เพชร 4.2 กะรัต รางวัลมีสไทยแลนด์ฯ

https://www.norsorpor.com

ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
ผู้ดำเนินการประกวด “มิสไทยแลนด์เวิลด์ ประจำปี 2553” ภายใต้แนวคิด “งามอย่างมีคุณค่า เพื่อการศึกษาของเด็กไทย” ได้จัดให้สาวงามผู้เข้าประกวดทั้ง 30 คน ซักซ้อมการเดินโชว์
ด้วยชุดว่ายน้ำ พร้อมโชว์มงกุฎเพชรของมิสไทยแลนด์เวิลด์ 53 มูลค่า 1 ล้านบาท เป็นครั้งแรก ก่อนขึ้นเวทีประกวดรอบตัดสิน ค้นหามิสไทยแลนด์เวิลด์ คนที่ 21 ต่อไป ในค่ำคืนวันที่ 14 ส.ค.53 
ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ และถ่ายทอดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เวลา 22.30 น.
ในปีนี้ได้นำแนวคิดงามอย่างมีคุณค่า เพื่อการศึกษาของเด็กไทย มาออกแบบมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 53 โดยมีลวดลายเป็นเด็กเปิดหนังสือชูขึ้นบนศีรษะ เปรียบเสมือนการอ่าน การเรียนรู้ ก่อให้เกิดปัญญา 
มงกุฎเพชรประดับด้วยเพชรแท้ 81 เม็ด น้ำหนักรวม 4.2 กะรัต รวมมูลค่า 1 ล้านบาท.
ที่มาของข่าว

https://www.norsorpor.com

สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์  หน่วยการวัด  น้ำหนักของเพขร
หน่วยวัดน้ำหนักเพชรคือ กะรัต ซ่งเป็นคำเพี้ยนมาจากคำว่า แคร็อบ (carob) อันเป็นเมล็ดของต้นไม้ชนิดหนึ่งที่พบได้ในประเทศแอฟริกาใต้  ฝักคล้ายมะขาม 
ที่น่าประหลาดคือเมล็ดข้างในแทบทุกเม็ดมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน พ่อค้าสมัยก่อนจึงใช้เป็นเสมือนลูกตุ้มน้ำหนัก ใช้ในการซื้อขายเพชร
น้ำหนักของเพชรจะวัดเป็นกะรัต หนึ่งกะรัต หนัก 0.2 กรัม แบ่งออกเป็น 100 สตางค์ดังนั้นเพชรขนาด 0.75 กะรัตจึงมีน้ำหนักเท่ากับ 75 สตางค์ 
ขนาดกะรัตเป็นตัวตัดสินมูลค่าของเพชรที่เด่นชัดที่สุดแต่สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอก็คือเพชรสองเม็ดที่มีขนาดกะรัตเท่ากันอาจมีมูลค่าแตกต่างกันอย่างมากก็ได้ 
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเจียระไน สีและความสะอาด
เพชรที่มีน้ำหนักตัวมาก  ราคาต่อกะรัตจะแพงกว่าเม็ดที่มีน้ำหนักน้อยกว่า โดยความแตกต่างของราคากับน้ำหนัก ไม่ได้วิ่งเป็นกราฟเส้นตรง เช่น เพชรหนึ่งกะรัตหนึ่งเม็ด

เพชร 4.2 กะรัต รางวัลมีสไทยแลนด์ฯ


ราคาจะมากกว่าเพชรครึ่งกะรัตสองเม็ดในคุณภาพที่เท่ากัน เหตุผลหลักคือ เพชรเม็ดใหญ่กว่าหายากกว่า และน้ำหนักเพชรที่เหลือหลังจากการเจียระไน มักจะน้อยกว่าน้ำหนักตั้งต้น 50-70 %

น้ำหนัก มูลค่าที่สร้างความแตกต่าง
ในวงการค้าเพชร เมื่อพ่อค้าพูดถึงขนาดของเพชร มักจะหมายถึงน้ำหนักซึ่งมีหน่วยเป็นกะรัต
มีปีคริสตศักราช 1913 มีการกำหนดมาตรฐานหน่วยน้ำหนัก 1 กะรัต ให้มีค่าเท่ากับ 0.2 กรัม หรือ 100 พอยต์
สำหรับคนไทยจะเรียกน้ำหนักเป็นหน่วย กะรัต และหน่วยที่ต่ำกว่ากะรัตจะเรียกว่า สตางค์ โดย 1 กะรัต มีค่าเท่ากับ 100 สตางค์ 
ตัวอย่าง : เพชรน้ำหนัก 50 สตางค์ เท่ากับ 0.50 กะรัต
ในสหรัฐอเมริกา มีการใช้คำว่ากะรัตที่สะกดด้วยพยัญชนะภาษาอังกฤษว่า “KARAT” เพื่อบ่งบอกถึงปริมาณความบริสุทธิ์ของทองคำ เช่น 24 karat , 14 karat เป็นต้น 
ส่วนคำว่า กะรัตที่สะกดด้วยพยัญชนะภาษาอังกฤษว่า “CARAT” จะใช้เพื่อบ่งบอกน้ำหนักของอัญมณี 
การประเมินคุณค่าเพชรในเรื่องน้ำหนักเป็นเรื่องที่ทำใด้ง่ายโดยเฉพาะสำหรับเพชรรูปทรงกลมเหลี่ยมเกสร เนื่องจากมีการศึกษาอย่างต่อเนื่องมานานทำให้ได้ค่าที่เหมาะสมระหว่างน้ำหนัก (กะรัต) 
กับขนาด (มิลลิเมตร) ที่มีความสัมพันธ์
แต่ในความเป็นจริงแล้วพบว่า เพชรที่ผ่านการเจียระไนจำนวนมากมีน้ำหนักกับขนาดที่ไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งถ้ามีความแตกต่างกันมากก็แสดงว่าเพชรเม็ดนั้นมีการเจียระไนที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นผลต่อเนื่อง
จากการเจียระไนที่ไม่ได้สัดส่วน โดยอาจมีสาเหตุจากรูปทรงของผลึกเพชรที่ไม่สมบูรณ์ หรือการที่ช่างเจียรพยายามเจียระไนเพื่อรักษาน้ำหนักเพชรให้ได้มากที่สุด หรือเป็นเพราะต้องเจียรหลบเลี่ยงตำหนิของเพชรนั่นเอง
น้ำหนักเพชรที่เท่ากันอาจจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่วัดเป็นหน่วยมิลลิเมตรไม่เท่ากัน โดยบางเม็ดอาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า แต่มีความสูงที่ต่ำกว่าอีกเม็ด ขณะเดียวกันเพชรที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่เท่ากัน
ก็อาจจะมีน้ำหนักที่ต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับความหนาของเกอร์เดิลและความสูงของเพชร
น้ำหนักของเพชรมีผลต่อราคาเป็นอย่างมาก เนื่องจากความหายากของเพชรต่อเม็ดที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ราคาของน้ำหนักเพชรต่อเม็ด มีมูลค่ามากกว่าน้ำหนักเพชรเม็ดเล็ก ๆ มารวมกัน เช่น เพชรน้ำหนัก 25 สตางค์ 
จำนวน 2 เม็ดรวมกันจะมีมูลค่าน้อยกว่าเพชรน้ำหนัก 50 สตางค์จำนวน 1 เม็ด

อ้างอิง

https://www.paragondiamond.com

 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3064

อัพเดทล่าสุด