สวยแบบ “ไม่เท่ากัน”


782 ผู้ชม


เซนต์ด้านแฟชั่นด้วยเสื้อผ้าทรง“อสมมาตร” เด่นที่ความไม่เท่ากันของชายเสื้อ-กระโปรง   

สวยแบบ “ไม่เท่ากัน” 

      
สวยแบบ “ไม่เท่ากัน”เพิ่มลูกเล่นให้ชุดธรรมดาๆ ดูชิคขึ้นและเผยเซนต์ด้านแฟชั่นด้วยเสื้อผ้าทรง“อสมมาตร” เด่นที่ความไม่เท่ากันของชายเสื้อ-กระโปรง  
แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทรง“อสมมาตร” ทั้งหน้าสั้นหลังยาว ชายแต่ละด้านยาวไม่เท่ากัน หรือด้านข้างยาวและหน้าหลังสั้น ซึ่งนอกจะแปลกใหม่แล้วยังแสดงถึง“เซนต์”ด้านแฟชั่นด้วย
เสื้อผ้ารูปทรงอสมมาตรสามารถสวมได้ทุกสถานการณ์ ทั้งเดรสออกงาน สวมไปทำงาน หรือสวมในวันธรรมดาแบบชิคๆ โดยเสื้อแบบอสมมาตรควรสวมกับกระโปรงหรือกางเกงยีนส์เรียบๆ เพื่อจะได้ไม่รุงรัง และทำให้ทั้งชุดดู“เต็ม”หรือสร้างลุคสวยเท่ห์โดยเลือกเสื้อที่ค่อนข้างยาวเพื่อสวมกับเล็กกิ้งหรือสกินนี่ สาวออฟฟิศอาจเลือกสวมเสื้อทรงอสมมาตรกับกางเกงแบบสวยๆ หรือกระโปรงทรงดินสอ ซึ่งต้องลองดูว่าสไตล์ของเราเข้ากับกระโปรงหรือกางเกงแบบไหนมากที่สุด หรือสร้างลุคน่าเชื่อถือให้เหมาะกับการสวมไปทำงานด้วยการสวมเสื้อแบบอสมมาตรกับเบลสเซอร์เข้ารูปและคาร์ดิแกนตัวยาว ข้อสำคัญต้องการเน้นส่วนไหนก็เลือกมาเลยแค่หนึ่งชิ้น ไม่ควรสวมเสื้อทรงอสมมาตรกับกระโปรงแบบเดียวกัน เพราะจะดู“โอเวอร์”และแสดงถึงความลังเลไม่กล้าตัดสินใจของผู้สวม     
สวยแบบ “ไม่เท่ากัน”กระโปรงทรงอสมมาตร ซึ่งจะดึงความสนใจมาที่ช่วงขา ดังนั้นควรเลือกกระโปรงให้เหมาะกับรูปร่าง สำหรับสาวขาสวย กระโปรงสั้นจะดึงดูดความสนใจมาที่ขาอย่างเต็มที่ ส่วนสาวๆ ที่ช่วงขาค่อนข้างสั้น ควรเลือกสวมกระโปรงที่ยาวสักหน่อย เพราะจะทำให้ขาดูยาวขึ้น    
รองเท้า ควรเลือกสวมรองเท้าเรียบๆ จะได้ไม่ดึงความสนใจไปจากกระโปรง และต้องระวังไม่ให้รองเท้าดูขัดกับกระโปรง อาจเลือกรองเท้าสีเรียบๆ อย่างดำ ขาว น้ำตาล หรือเพิ่มสีสันด้วยรองเท้าสีจัดๆ แต่ก็ควรเลือกสีให้เข้ากับสีของกระโปรงด้วย    
เสื้อผ้าสไตล์อสมมาตรไม่ต้องใช้เครื่องประดับมากมาย เพียงแค่เข็มขัดหนึ่งเส้นและรองเท้าสวยๆ หนึ่งคู่ก็พอแล้ว แต่ถ้าชอบสวม เครื่องประดับที่เหมาะกับเสื้อผ้าแบบนี้คือ สร้อยยาวเส้นเล็กๆ กำไลข้อมือเส้นใหญ่หรือต่างหูใหญ่ๆ แต่ไม่ควรใส่ทั้งสามอย่างนี้พร้อมกัน เพราะจะดูเยอะเกินไป
ที่มาของข้อมูล https://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=447&contentId=136778

 
คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง  สมบัติการเท่ากัน    
สมบัติการเท่ากัน ที่ใช้ในการแก้สมการ   มีดังนี้ 
1. สมบัติการบวก

 " ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากัน เมื่อ บวก จำนวนทั้งสองด้วยจำนวนที่เท่ากัน แล้ว ผลบวกที่ได้ยังคงเท่ากัน " 
  เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ ดังนี้     ให้ a, b และ c แทนจำนวนใดๆ
ถ้า    a = b    แล้ว     a + c = b + c     เช่น
        ถ้า   3 + 7      =  10 
        แล้ว 3 + 7 + 9 =  10 + 9     เป็นจริง.        
ถ้า    x + 5      =   y + 4 
        แล้ว  x + 5 + 7 =   y + 4 + 7 
2. สมบัติการลบ
 " ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากัน เมื่อ ลบ จำนวนทั้งสองด้วยจำนวนที่เท่ากัน แล้ว ผลลบที่ได้ยังคงเท่ากัน "   เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ ดังนี้
     ให้ a, b และ c แทนจำนวนใดๆ
ถ้า    a = b    แล้ว     a - c = b - c      เช่น
        ถ้า   3 + 7      =  10 
        แล้ว 3 + 7 - 6 =  10 - 6    เป็นจริง
ถ้า    x + 7     =   y + 9
        แล้ว  x + 7 - 2 =   y + 9 - 2 
3. สมบัติการคูณสวยแบบ “ไม่เท่ากัน”
 " ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากัน นำจำนวนอีกจำนวนหนึ่งมา คูณ จำนวนทั้งสอง แล้ว ผลคูณที่ได้ยังคงเท่ากัน "  เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ ดังนี้     
ให้ a, b และ c แทนจำนวนใดๆ
ถ้า    a = b    แล้ว     a × c = b × c      เช่น
        ถ้า   8 + 2     =  10 
        แล้ว 8 + 2 × 6 =  10 × 6    เป็นจริง
ถ้า    x        =    9
        แล้ว  x × 2 =   9 × 2 
4. สมบัติการหาร " ถ้ามีจำนวนสองจำนวนที่เท่ากัน นำจำนวนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เท่ากับศูนย์ไป หาร จำนวนทั้งสอง แล้ว ผลคูณที่ได้ยังคงเท่ากัน "  
 เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ ดังนี้
     ให้ a, b และ c แทนจำนวนใดๆ
ถ้า    a = b    แล้ว     a ÷ c = b ÷ c      เช่น        
ถ้า   24      =  30 - 6
        แล้ว 24÷ 8 =  30 - 6÷ 8    เป็นจริง
ถ้า    x        =    12
        แล้ว  x ÷ 2 =   12 ÷ 2 
ที่มาของข้อมูล https://web1.dara.ac.th/adisak/data/LessonOnline/Equation/Properties/propertieseq.htm
สมบัติการเท่ากัน  
1. สมบัติการสมมาตร
 * ให้ a และ b เป็นจำนวนใดๆ ถ้า a = b แล้ว b = a *
ตัวอย่าง ถ้า 2x = 5 แล้ว 5 = 2x
x + 5 = 8 แล้ว 8 = x + 5
x + 1 = 2x - 3 แล้ว 2x - 3 = x + 1
a + b = c แล้ว c = a + b
2. สมบัติการถ่ายทอด ** ให้ a,b และ c เป็นจำนวนใดๆ ถ้า a = b และ b = c แล้ว a = c **แล้ว a = 7
x + 1 = 5 และ 5 = 2 + 3 แล้ว x + 1 = 2 + 3
2x = 10 และ 10 = 5 คูณ2 แล้ว 2x = 5 คูณ 2
3. สมบัติการบวก *** ให้ a,b และ c เป็นจำนวนใดๆ ถ้า a = b แล้ว a + c = b + c ***
ตัวอย่าง
ถ้า a = 5 แล้ว a + 3 = 5 + 3
a +3 = 9 แล้ว a + 3 + 4 = 9 + 4
a + 5 = 12 แล้ว a + 5 + ( -5 ) = 12 + ( -5 ) 
x - 7 = 13 แล้ว x - 7 + 7 = 13 + 7
a + 12 = 8 แล้ว a + 12 + ( -12 ) = 8 + (-12)
x - 10 = -4 แล้ว x - 10 + 10 = -4 + 10
4. สมบัติการคูณ **** ได้ a,b และ c เป็นจำนวนใดๆ ถ้า a = b แล้ว ****
ตัวอย่าง
m = n แล้ว 2m = 2n
m = 5n แล้ว 3m = 3(5n) - 5m = 100 แล้ว 2 (-5m) = 2 (100)
5x = 30 แล้ว 5 (5x) = 5 (30)
5. สมบัติการแจกแจง ***** ให้ a ,b และ c เป็นจำนวนใดๆแล้ว a(b + c) = ab + ac แล้ว (b + c)a = ba + ca *****
ตัวอย่าง 
2(x + 3) = 2x + 2(3)= 2x + 6
3(2x - 5) = 3(2x) - 3(5) = 6x - 15
3x + 5x = ( 3 + 5 )x = 8x
12x - 7x = (12 - 7)x = 5x
ที่มาของข้อมูล https://www.eschool.su.ac.th/school12/M4_2546/4-1/1_013/titled-4.html

คำถามในห้องเรียน
ให้นักเรียนยกสถานการณ์มา 1 สถานการณ์ โดยการนำคณิตศาสตร์ที่ในชีวิติประจำวัน  พร้อมทั้งบอกได้ว่านำคณิตศาสตร์เรื่องใดมาเกี่ยวข้อง

ข้อเสนอแนะ
แฟชั่นทันสมัย ทำให้มีความมั่นใจในการแต่งตัว ควรแต่งตัวให้ถูกาละเทศะด้วย

การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี

สาระที่ 2   การออกแบบและเทคโนโลยี 
มาตรฐาน ง 2.1 เข้าใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี  ออกแบบและสร้างสิ่งของเครื่องใช้ 
หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมีความคิดสร้างสรรค์  เลือกใช้เทคโนโลยีในทาง
สร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม  สิ่งแวดล้อม  และมีส่วนร่วมในการจัดการเทคโนโลยีที่ยั่งยืน 
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
สาระที่  2 ชีวิตและครอบครัว
มาตรฐาน  พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว  เพศศึกษา และมีทักษะในการดำเนินชีวิต

ที่มาของภาพ https://www.sedthailand.com/images/column_1292399447/math-8.jpg
ที่มาของภาพ https://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTzC_rPlcI5BBUFFXtrIC98iq_UTtFw6tlZjPyYCBKHJs4b28smPA
ที่มาของภาพ https://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSrYQO8I92ovfJDfd49Xo-3yYsSvfvDKcTBda65egm-VpoFUzK2jRwKXVc
ที่มาของภาพ https://www.cawaiishop.com/images/sub_1266802889/24051005-5.jpg

 
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3681

อัพเดทล่าสุด