ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปี


711 ผู้ชม


เร่งดำเนินการเพื่อทราบว่าบุคคลเหล่านี้มีความพร้อมและมีความรู้ความสามารถที่จะมีวิทยฐานะต่อไปหรือไม่   

ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปี 
ไม่ผ่านเกณฑ์ อดได้เงิน -หวั่นล่าช้า ปัญหาใหญ่

ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปีนายอภิชาติ จีระวุฒิ ปลัดศธ. กล่าวถึงการประเมินคงวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับวิทยฐานะครบ 5 ปี ว่า ขณะนี้ (ก.ค.ศ.) กำลังเร่งจัดทำหลักเกณฑ์ เพื่อนำเข้าพิจารณาในคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญ ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยต้องเร่งดำเนินการเพื่อทราบว่าบุคคลเหล่านี้มีความพร้อมและมีความรู้ความสามารถที่จะมีวิทยฐานะต่อไปหรือไม่ หากมีก็ให้มีจะไม่ได้รับเงินวิทยฐานะ 
"เรื่องนี้เป็นกฎหมายที่ระบุให้ต้องมีการตรวจสอบว่าวิทยฐานะที่ได้รับไปนั้นเหมาะสมหรือไม่ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ เพราะกฎหมายของครูแตกต่างจากกฎหมายของข้าราชการประเภทอื่น เมื่อครบกำหนดที่ได้วิทยฐานะแล้วให้ประเมินใหม่ เพราะหากล่าช้าและเมื่อครบรอบแล้วประเมินไม่ผ่าน แต่จ่ายเงินไปล่วงหน้าแล้วครูจะต้องจ่ายเงินคืนหลวง ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผู้ที่ครบรอบวิทยฐานะในทุกสังกัดมีจำนวนเป็นแสนคน โดยการประเมินครูสามารถเข้าไปดูผลสัมฤทธิ์การสอน กระบวนการเรียนการสอน สมรรถนะในการจัดการเรียนการสอนได้เลย ส่วนผู้บริหารก็ดูสมรรถนะการบริหาร เป็นต้น ดูงานในหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว" ปลัดศธ.กล่าว

ที่มาของข้อมูล https://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObFpIVXdNVEV4TURjMU5BPT0=&sectionid=TURNeE5RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOeTB4TVE9PQ==
คณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
ค่ามาตรฐานหรือคะแนนมาตรฐาน (Standard Scores)

ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปีค่ามาตรฐานเป็นค่าที่บอกให้ทราบความแตกต่างระหว่างค่าของข้อมูลนั้นกับค่าเฉลี่ยเลขคณริตของข้อมูลชุดนั้นเป็นกี่เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ในการเปรียบเทียบค่าคะแนนของข้อมูลที่มาจากข้อมูลต่างชุดกัน ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งบางครั้งไม่สามารถเปรียบเทียบได้โดยตรง เพราะมัชฌิมเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของข้อมูลมักจะไม่เท่ากัน ในการเปรียบเมียบให้มีความถูกต้องจึงมีความจำเป็นของการเปลี่ยนคะแนนของข้อมูลทั้งสองชุดนั้นให้เป็นคะแนนมาตรฐาน ( ซึ่งมีมัชฌิมเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากันเสียก่อน ) จึงจะเปรียบเทียบข้อมูล 2 ชุดนี้ได้ ในการเปลี่ยนค่าของข้อมูลของตัวแแปรหรือข้อมูลแต่ละตัวให้เป็นค่ามาตรฐานที่นิยมใช้คือเปลี่ยนให้มีค่ามัชฌิมเลขคณิตเท่ากับ 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1

ข้อสังเกต 

1.คะแนนมาตรฐานเป็นตัวเลขไม่มีหน่วย 
2.ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของคะแนนมาตรฐานทั้งหมดของชุดข้อมูล จะมีค่าเท่ากับ 1 
3.คะแนนมาตรฐานของข้อมูลใดๆ จะเป็นบวก หรือลบก็ได้ขึ้นอยู่กับค่าของข้อมูลนั้นๆ กับมัชฌิมเลขของข้อมูลชุดนั้นว่าค่าใดมีค่ามากกว่ากัน 
4.คะแนนมาตรฐานโดยทั่วไปจะมีค่า –3 ถึง +3 แต่อาจจะมีบางข้อมูลที่มีคะแนนมาตรฐานสูงหรือต่ำกว่านี้เล็กน้อย 
5.เมื่อแปลงข้อมูลทุกๆ ค่าในข้อมูลชุดใดชุดหนึ่งให้เป็นคะแนนมาตรฐานแล้วทำค่ามาตรฐานเหล่านั้นมาคำนวณหาค่ามัชฌิมเลขคณิตจะได้เท่ากับ 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจะได้เท่ากับ 1 ( คะแนนมาตรฐานจะมีมัชฌิมเลขคณิตเท่ากับ 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1 )

ตัวอย่าง 
ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปีสายใจสอบวิชาสถิติและภาษาอังกฤษ ซึ่งมีคะแนนเต็ม 100 คะแนนเท่ากัน ในการสอบสายใจได้คะแนน 75 และ 85 คะแนนตามลำดับ ถ้าค่ามัชฌิมเลขคณิตและส่วนเเบี่ยงเบนมาาตรฐานของคะแนนสถิติของนักศึกษากลุ่มนี้คือ 60 และ 10 ค่ามัชฌิมเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของวิชาภาษาอังกฤษคือ 70 และ 12 ตามลำดับ แล้วจงเปรียบเทียบว่าสายใจเรียนวิชาไหนได้ดีกว่ากัน
วิธีทำ
ค่ามาตรฐานของคะแนนวิชาสถิติ คือ (75-60)/10 = 1.5
ค่ามาตรฐานของคะแนนวิชาภาษาอังกฤษ คือ (85-70)/12 = 1.25
ค่ามาตรฐานของคะแนนวิชาสถิติของสายใจสูงกว่าค่ามาตรฐานของคะแนนวิชาภาษาอังกฤษ แสดงว่าสายใจเรียนวิชาสถิติได้ดีกว่าวิชาภาษา
อังกฤษ
ตัวอย่าง 
ในการสอบวิชาบัญชีของนักศึกษาระดับปริญญาตรีกลุ่มหนึ่ง มีค่ามัชฌิมเลขคณิตและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 64 และ 10 ตามลำดับ ถ้าค่ามาตรฐานของคะแนนวิชาบัญชีของ เพชรมณีคือ 1.3 อยากทราบว่าเพชรมณีสอบได้คะแนนเท่าไร
วิธีทำ
แทนค่า  1.3   = (x – 64) /10
            X = (1.3)( 10)+64  = 77
เพชรมณีสอบวิชาบัญชีได้คะแนน 77 คะแนน

ตัวอย่าง ในการสอบวิชาคณิตศาสตร์ของนักศึกษาปริญญาตรีแผนกการตลาดและแผนกบัญยชี ซึ่งวสา นักศึกษาแผนกบัญชีสอบได้ 85 คะแนน ในแผนกบัญชีมีค่ามัชฌิมเลขคณิต 70 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 10 และสุธี นักศึกษาแผนกการตลาดสอบได้ 75 คะแนนในแผนกการตลาดมีค่ามัชฌิมเลขคณิต 60 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 12 จงหาว่า วสาและสุธี ใครเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีกว่ากัน
วิธีทำ
คะแนนมาตรฐานของวสา = (85-70)/10= 1.5
คะแนนมาตรฐานของสุธี   = 1.25
ดังนั้นจากการเปรียบเทียบคะแนนมาตรฐานของวสาจะสูงกว่าของสุธี แสดงว่า วสาจะเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีกว่าสุธ
ที่มาของข้อมูล https://reg.ksu.ac.th/Teacher/kanlaya/3.17.html
คะแนนมาตรฐาน ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปีเป็นหน่วยของการวัดชนิดหนึ่งที่แปลงรูปมาจากคะแนนดิบเพื่อเปลี่ยนระดับผลการวัด  จากระดับอันดับเป็นระดับอันตรภาค ที่นิยมใช้มี   Z-score  และ T – score
         Z- score    เป็นคะแนนมาตรฐานที่มีทรวดทรงการกระจายเป็นโค้งปกติ ซึ่งมี
                            มัชฌิมเลขคณิต = 0 และ   S = 1 
                              Z    เป็นได้ทั้ง  +  และ  -
                                    เป็น + แสดงว่ามีความสามารถสูงกว่าค่าเฉลี่ย
                                    เป็น  - แสดงว่ามีความสามารถต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
        T – score  เป็นคะแนนมาตรฐานที่มีทรวดทรงการกระจายเป็นโค้งปกติ ซึ่งมี 
                           มัชฌิมเลขคณิต = 50 และ S = 10 (แปลงมาจาก Z เพราะว่า Z ติดลบและติดทศนิยม)
พื้นที่ใต้โค้งของ Z- score   และ T-score  ดังนี้                             
Z – score          -3     -2     -1       0       1       2      3
T – score         20    30    40    50     60     70    80
ถ้ากำหนดพื้นที่ใต้โค้งเป็น 100 % จะมีคุณสมบัติดังนี้
ค่า  Z  จาก    0  ถึง  +1  หรือ    0  ถึง  -1  มีพื้นที่ประมาณ   34  %
ค่า  Z  จาก  +1  ถึง  +2  หรือ  -1   ถึง  -2  มีพื้นที่ประมาณ   14  %
ค่า  Z  จาก  +2  ถึง  +3  หรือ   -2  ถึง  -3  มีพื้นที่ประมาณ    2  %
หมายเหตุ    
ค่า T มีคุณสมบัติทำนองเดียวกับค่า Z เช่น
ค่า  T  จาก  50  ถึง  60     หรือ      40  ถึง  50  มีพื้นที่ประมาณ   34  %
จากคุณสมบัตินี้เป็นประโยชน์ต่อการแปลความหมายของคะแนน ดังนี้
Z  =  0  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  50  คน  ใน  100  คน
Z  =  1  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  84  คน  ใน  100  คน
Z  =  2  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  98  คน  ใน  100  คน
Z  = -1  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  16  คน  ใน  100  คน
Z  = -2  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น    2  คน  ใน  100  คน
ก.ค.ศ. เร่งประเมินวิทยฐานะครบ 5 ปีหมายเหตุ   ค่า T แปลความหมายของคะแนนทำนองเดียวกับค่า Z  เช่น
T  =  50  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  50  คน  ใน  100  คน
T  =  70  จะมีความสามารถสูงกว่าคนอื่น  98  คน  ใน  100  คน
การใช้   Z – score   และ T – Score
1.  ใช้บอกระดับความสามารถในกลุ่ม  โดยใช้การแปลความหมายของคะแนน    Z – score   และ T – score    ซึ่งจะทำให้ทราบว่าแต่ละคนมีความสามารถมากน้อยแค่ไหนสูงกว่าคนอื่นมากน้อยเพียงใด
2.  ใช้เปรียบเทียบความสามารถในด้านต่าง ๆ ของเด็กเพื่อช่วยให้เห็นสภาพความสามารถในแต่ละด้านของเด็ก
แต่ละคน  
ที่มาของข้อมูล https://www.ipecp.ac.th/cgi-binn/webpili/unit7/level7-5.html

คำถามในห้องเรียน
"หากครูไม่มีมีความพร้อมและไม่มีความรู้ความสามารถจะไม่ได้รับเงินวิทยฐานะ" นักเรียนคิดว่าควร Z – score  หรือ  T – Score มาตัดสินการประเมินครั้งนี้แล้วจะมีผลกระทบตามมาเรื่องอะไรบ้าง ร่วมกันอภิปราย

ข้อเสนอแนะ
ครูมีความพร้อมและมีความรู้ความสามารถที่จะมีวิทยฐานะต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้าน

การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา  ศาสนา และวัฒนธรรม

สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส.3.1  เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภคการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า  รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง  เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ 
มาตรฐาน ส.3.2 เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ  ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความจำเป็นของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
สาระที่  2 ชีวิตและครอบครัว
มาตรฐาน  พ 2.1 เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว  เพศศึกษา และมีทักษะในการดำเนินชีวิต

ที่มาของภาพ https://www.osmie5.moe.go.th/new/images/stories/News2/140.jpg
ที่มาของภาพ https://www.oknation.net/blog/home/blog_data/124/50124/images/109.jpg
ที่มาของภาพ https://www.promma.ac.th/group_director/wp-content/uploads/2011/04/p23406920009.jpg
ที่มาของภาพ https://www.health.nu.ac.th/score/t.jpg

ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=4151

อัพเดทล่าสุด