ประวัติความเป็นมาวันแรงงานและสถานการณ์แรงงานในประเทศไทย
1 พฤษภาคม วันแรงงาน วันระลึกถึงผู้ใช้แรงงาน
ผู้ใช้แรงงานถือเป็นฝ่ายผลิตที่สำคัญในการผลักดัน ช่วยส่งเสริมพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในต่างประเทศนั้นมีวันแรงงานมานานแล้ว โดยเรียกว่าวันเมย์เดย์ (May Day) ขณะที่ประเทศไทยนั้น ทราบกันดีว่าวันแรงงาน ตรงกับวันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี และในสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2552 ที่มีการพยากรณ์ว่าจะเป็นปีแห่งการว่างงานมากถึงสองล้านคนอันสืบเนื่องมาจากภาวะการชะงักงันของเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองภายใน เราลองมาดูกันครับว่าวันแรงงานมีที่มาอย่างไรและปัจจุบันสถานการณ์แรงงานไทยเป็นอย่างไร
ในสมัยก่อนประเทศในแถบยุโรปจะถือเอาวันเมย์เดย์ว่าเป็นวันเริ่มต้นฤดูใหม่ทางเกษตรกรรม จึงมีพิธีเฉลิมฉลองและทำการบวงสรวงขอให้ปลูกพืชได้ผลดีรวมถึงขอให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข อีกทั้งทางภาคเหนือของยุโรปก็จะมีการจัดงานรอบกองไฟในวันนี้ด้วย ซึ่งประเพณีนี้ในประเทศอังกฤษก็ยังมีสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
จากตอนแรกที่เป็นเพียงวันหยุดพักผ่อนประจำปี ต่อมาประเทศอุตสาหกรรมหลายประเทศจึงถือเป็นวันหยุดตามประเพณีทั่วไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงผู้ใช้แรงงานที่ได้ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ ความหมายของวันเมย์เดย์จึงเปลี่ยนไปจากเดิม จนเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศทางตะวันตกให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงงานสากล ทำให้หลายประเทศได้เริ่มฉลองวันแรงงานเป็นครั้งแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 และได้สืบทอดมาจนถึงในปัจจุบัน
ส่วนในประเทศไทยเมื่ออุตสาหกรรมได้ขยายตัวขึ้น ผู้ใช้แรงงานก็มีปัญหามากขึ้น รวมทั้งปัญหาแรงงานก็มีความสลับซับซ้อนยิ่งขึ้น จนทำให้ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยก็ได้เริ่มมีการจัดการบริหารแรงงานซึ่งเป็นการจัดสรรและพัฒนาแรงงานรวมถึงคุ้มครองดูแลสภาพการทำงาน เพื่อสร้างรากฐานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง
โดยในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 คณะกรรมการการจัดงานที่ระลึกแรงงาน ได้มีการจัดประชุมขึ้นพร้อมทั้งมีความเห็นตรงกันว่าควรกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันระลึกถึงแรงงานไทย จึงได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีของให้รับรองวันที่ 1 พฤษภาคม จนเป็นที่มาของวันกรรมกรแห่งชาติ และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติ และในปี พ.ศ. 2500 ก็ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน ซึ่งได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิหยุดงานในวันแรงงานแห่งชาติด้วย
แต่พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวก็มีอายุเพียงแค่ 18 เดือน ก็ถูกยกเลิกไป โดยมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 มาแทนที่ และมีการให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดเรื่องการคุ้มครองแรงงาน และกำหนดวันกรรมกรให้เป็นวันหยุดตามประเพณี แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ในขณะนั้นมีการผันแปรจึงมีคำชี้แจงออกมาในแต่ละปีเพื่อเตือนนายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานในวันที่ 1 พฤษภาคม แต่ก็มีการขอร้องไม่ให้มีการเฉลิมฉลองเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้เปิดให้มีการฉลองตามสมควร จึงมอบให้กรมแรงงานที่ขณะนั้นสังกัดกระทรวงมหาดไทยจัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติขึ้นที่สวนลุมพินี ที่มีการทำบุญตักบาตร มีนิทรรศการแสดงความรู้ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
โดยแต่เดิมนั้นการบริหารแรงงานอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย แต่รัฐบาลได้เล็งเห็นว่าควรจะมีการยกระดับหน่วยงานเพื่อให้มีงบประมาณและเจ้าหน้าที่สำหรับการดูแลผู้ใช้แรงงานอย่างพอเพียง ในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2536 จึงได้มีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ให้จัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมขึ้นเพื่อให้การบริหารงานมีความก้าวหน้าทัดเทียมนานาประเทศ และมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. การจัดหางาน ด้วยการช่วยเหลือคนว่างงานให้มีงานทำ ช่วยเหลือนายจ้างให้ได้คนมีคุณภาพดีไปทำงาน รวบรวมเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับการทำงาน แหล่งงาน ภาวะตลาดแรงงาน
2. งานแนะแนวอาชีพ ให้คำปรึกษาแก่เยาวชนและผู้ประสงค์จะทำงาน เพื่อให้สามารถเลือกแนวทางประกอบอาชีพที่เหมาะสมตามความถนัด ความสามารถทางร่างกาย คุณสมบัติ บุคลิกภาพ และความเหมาะสมแก่ความต้องการทางเศรษฐกิจ
3. การพัฒนาแรงงาน ส่งเสริมพัฒนาฝีมือแก่คนงานและเยาวชนที่ไม่มีโอกาสศึกษาต่อโดยการฝึกแบบเร่งรัด
4. งานคุ้มครองแรงงาน วางหลักการและวิธีการเกี่ยวกับชั่วโมงทำงาน วันหยุดงาน ตลอดจนการจัดให้มีสวัสดิการต่างๆ
5. งานแรงงานสัมพันธ์ ทำการส่งเสริมและสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจถึงลักษณะและสภาพของปัญหา ตลอดจนวิธีการที่เหมาะสมที่จะช่วยขจัดความเข้าใจผิดและข้อขัดแย้งอื่นๆ
ส่วนด้านที่เกี่ยวกับกรรมกรก็ได้มีการจัดตั้งกลุ่มสหภาพแรงงานขึ้นหลายร้อยกลุ่ม และยังได้รวมตัวกันจัดตั้งสภาองค์การลูกจ้างขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิให้กับผู้ใช้แรงงาน มี 3 สภา ได้แก่
สภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย
สภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย
สภาองค์การแรงงานแห่งประเทศไทย
และนี่ก็คือความเป็นมาของวันแรงงาน ที่เป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าไป
สถานการณ์แรงงานในประเทศไทย
สำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหาแรงงานในประเทศไทย ว่า ปัจจุบันถือเป็นปัญหาใหญ่ทั้งการแรงงานขาดแคลน แรงงานเปลี่ยนไปทำงานในสาขาอื่น รวมทั้งการได้รับค่าจ้างขั้นต่ำไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย หรือรายจ่ายมากกว่ารายได้ ซึ่งผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุด พบว่า สถานการณ์แรงงานไทย หรือสัดส่วนแรงงานไทยในภาคเกษตรกรรมน้อยลง เห็นได้จากตัวเลขจีดีพีมวลรวมของประเทศของภาคเกษตรกรรม ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 11.4 ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 34.5
และหากพิจารณาจากพื้นที่ถือครองที่ดินด้านการเกษตร ก็จะพบด้วยว่า มีปริมาณลดลง และแรงงานด้านการเกษตรกรรมลดลงอย่างรวดเร็ว และเป็นไปอย่างต่อเนื่องเหลือเพียง 15.5 ล้านคน ซึ่งแรงงานส่วนใหญ่ย้ายฐานไปสู่ภาคอุตสาหกรรมมากที่สุด
โดยตัวเลขรายได้ของภาคการเกษตรกรรมของผู้เป็นเจ้าของงานทางด้านเกษตร และผู้ใช้แรงงานด้านการเกษตรนั้น ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยของประเทศ (โดยตัวเลขรายได้ ไปเพิ่มมากสุดที่แรงงานภาคการค้าและภาคบริการ) และต่ำสุดเมื่อเทียบกับตัวเลขอื่น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าห่วงมากที่สุด และมีผลให้ปัญหาหนี้สินของผู้ที่เป็นลูกจ้างทางการเกษตร ผู้เป็นเจ้าของงานทางด้านเกษตร เกิดจากการไปกู้เงินมาเพื่อทำการเกษตร
ประเด็นอภิปราย นักเรียนคิดว่าหากสัดส่วนแรงงานภาคเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและบริการไม่สมดุลกันจะก่อให้เกิดผลดีหรือผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ?
การบูรณาการกับสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง นักเรียนสามารถบูรณาการการเรียนรู้ได้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ในประเด็นปัญหาแรงงานในประเทศไทย
อ้างอิงจาก
https://www.moneychannel.co.th/
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=186