เพิ่มอรรถรสในการฟังเทศน์ เกิดความซาบซึ้งในรสพระธรรมและผ่อนคลายจากการฟังเทศน์เป็นเวลานาน ๑๓ กัณฑ์
ฟังเพลงไทยในพิธีเทศน์มหาชาติ
( ภาพจาก www.oknation.net )
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือเทศกาลออกพรรษา บริเวณริมแม่น้ำโขงมีบั้งไฟพญานาคให้ผู้คนทั่วไปได้ดูในความมหัศจรรย์ที่ยังไม่มีผู้ใดให้เหตุผลได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร จึงนับเป็นเทศกาลสำคัญที่มีผู้เฝ้ารอให้ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ อย่างใจจดจ่อ เพราะปีหนึ่ง ๆ มีเพียงครั้งเดียว ถึงแม้ว่าจะยังเป็นปมปริศนาที่ยังคงถกเถียงกันว่า บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์
เหมาะสำหรับ นักเรียนชั้นมัยมศึกษาปีที่ ๔ - ๖
สาระดนตรี มาตรฐานที่ ๒.๒
พิธีเทศน์มหาชาติ เป็นพิธีทางศาสนาที่มีความสำคัญโดยใช้การเทศน์เป็นสื่อช่วยให้ประชาชนได้สนใจในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เนื้อหาของมหาชาตินั้น คือเรื่อง “เวสสันดรชาดก” ที่เรียกว่า “มหาชาติ” เพราะถือเป็นการประชุมพลังแห่งบารมีครั้งยิ่งใหญ่ ความนิยมเทศน์มหาชาติ เริ่มขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา เดิมแต่งเป็นภาษามคธ มีคาถาพันหนึ่ง เรียกว่า “พระคาถาพัน” ปัจจุบันแต่งเป็นร่ายยาว พิธีเทศน์ของราษฎรนิยมทำกันในช่วงเทศกาลออกพรรษา (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑) แต่ปัจจุบันแปรเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับความสะดวก มิใคร่ถือฤดูกาลเป็นเกณฑ์สักเท่าใด และยังเป็นพิธีทางศาสนาที่สำคัญ ที่วงปี่พาทย์มีหน้าที่บรรเลงประกอบ มีการบรรจุบทเพลงต่าง ๆ ไว้เป็นแบบฉบับ ยึดถือปฏิบัติในกลุ่มวงดนตรีไทย รูปแบบการบรรเลงของวงปี่พาทย์จะเริ่มบรรเลงเพลงสาธุการ เมื่อพระขึ้นธรรมาสน์ และทำหน้าที่บรรเลงประกอบเมื่อสิ้นสุดการเทศน์ในแต่ละกัณฑ์ ซึ่งรายละเอียดของเพลงประกอบเทศน์มหาชาติ ที่มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่อง ได้ดังนี้
กัณฑ์ที่ ๑ ทศพร
นางผุสดี ขอพร ๑๐ ประการจากพระอินทร์ ดนตรีบรรเลงเพลงสาธุการประกอบ ฟังเพลงสาธุการ
กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์
กล่าวถึง นางผุสดี จุติยังเมืองมนุษย์ เป็นพระมเหสีของพระเจ้ากรุงสณชัย และมีพระราชโอรส คือ พระเวสสันดร ต่อมาที่เมืองกลิงคราช เกิดทุกขภัย ชาวเมืองมาทูลขอช้างปัจยนาเคนทร์ พระเวสสันดรพระราชทานให้ จึงถูกเนรเทศออกจากเมือง
ดนตรีบรรเลงเพลงตวงพระธาตุ จริงแล้วไม่เกี่ยวกับกับเหตุการณ์ แต่เกี่ยวกับการประทานช้างนั้นเปรียบเสมอด้วย การตวงพระธาตุของพระพุทธเจ้าแจกจ่ายทั่วไป
กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์
กรรมบันดาลให้พระเจ้ากรุงสณชัย ไม่ยินดีที่จะยกโทษให้พระเวสสันดร พระนางมัทรีตามเสด็จ และได้บำเพ็ญทานไปตลอดทาง จนต้องเดินทางด้วยเท้า
ดนตรีบรรเลงเพลงพญาโศก ประกอบการทูลลา หรือการสั่งเมือง
ฟังเพลงพญาโศก
กัณฑ์ที่ ๔ วนประเวศ
ทั้ง ๔ กษัตริย์เดินด้วยเท้าถึงเมืองเจตราช เจ้าเมืองทูลเชิญให้ครองเมือง พระเวสสันดร ไม่ยอม เจ้าเมืองเจตราช จึงบอกทางให้เดินไปยังเขาวงกต
ดนตรีบรรเลงเพลงพญาเดิน ประกอบการเดินของกษัตริย์
กัณฑ์ที่ ๕ ชูชก
ชูชก พราหมณ์แก่ มีเมียสาว ชื่อ นางอมิตดา ไม่ต้องการปรนนิบัติชูชก จึงให้ไปทูลขอทาส ไว้ใช้งาน โดยให้ไปขอ กัณหา และชาลี
ดนตรีบรรเลงเพลงเซ่นเหล้า ประกอบการเดิน โซซัดโซเซ เหมือนตาแก่ หรือคนขี้เมา แต่ไม่ได้บรรเลงประกอบการดื่มเหล้าแต่อย่างใด
ภาพจาก www.thaigoodview.com
กัณฑ์ที่ ๖ จุลพน
ชูชก ถามทางพรานเจตบุตร พรานพรรณนาให้ฟังถึงลักษณะของป่าหิมพานต์ ซึ่งมีความแปลกประหลาด ต่าง ๆ นานา
ดนตรีบรรเลงเพลงคุกพาทย์ ประกอบความแปลกประหลาด พิลึกพิลั่น สิ่งที่ไม่เคยเห็น ความน่าสพรึงกลัวของป่าหิมพานต์
กัณฑ์ที่ ๗ มหาพน
ชูชกเดินทางไปตามทางพบพระอัตจุฤาษี และถามทางต่อไป พระฤาษี พรรณนา ความสวยงามของป่าเขา สระ ต่างๆ และชี้ทางต่อไป
ดนตรีบรรเลงเพลงเชิด ประกอบการเดินทางขั้นสุดท้าย
กัณฑ์ที่ ๘ กุมาร
ชูชกเดินทางไปถึงอาศรม และทูลขอ กัณหา ชาลี เป็นเวลาที่นางมัทรีไปหาอาหาร พระเวสสันดร พระราชทานให้ กัณหา ชาลี แอบหนีซ่อนตัวในสระ แต่ต้องจำยอมไปกับชูชก และถูกชูชกเฆี่ยน ตี ไปตลอดทาง
ดนตรีบรรเลงเพลงโอด เชิดฉิ่ง แสดงการฉุดกระชากของชูชก สลับกับการกรรแสงร่ำไห้ ของกัณหา ชาลี
กัณฑ์ที่ ๙ มัทรี
นางมัทรีกลับจากหาอาหาร ไม่พบพระกัณหา ชาลี ทูลถามพระเวสสันดร พระองค์ทำเป็นหึง เพื่อดับความเศร้าโศก เสียก่อน แล้วจึงแจ้งความให้ทราบ
ดนตรีบรรเลงเพลงทยอย โอด ประกอบอาการเดินหาไป คร่ำครวญไป และการร้องไห้
กัณฑ์ที่ ๑๐ สักบรรพ
สักบรรพ เป็นชื่อพระอินทร์ ทรงเกรงว่าผู้อื่นจะมาขอนางมัทรีไป จึงแปลงเป็นมนุษย์ ขอนางมัทรี เป็นบาทบริจาริกา พระเวสสันดรพระราชทานให้ เกิดเป็นโลกธาตุหวั่นไหว พระอินทร์ถวายนางคืน และพระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ
ดนตรีบรรเลงเพลงกลม ประกอบการเสด็จของเทวดาผู้ใหญ่
กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราช
ชูชกพากุมาร หลงเข้าไปในกรุงสญชัย พระเจ้ากรุงสญชัยขอไถ่ตัวไว้ และยกทัพไปรับพระเวสสันดรพร้อมด้วยพระญาติ
ดนตรีบรรเลงเพลงกราวนอก ประกอบการยกทัพของมนุษย์
กัณฑ์ที่ ๑๒ ฉกษัตริย์
กษัตริย์ทุกพระองค์พบกัน ดีใจจนสลบไป
ดนตรีบรรเลงเพลงตระนอน ประกอบอาการสลบ คล้ายกับว่า เป็นการนอนอย่างใหญ่
กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์
กษัตริย์ทั้ง ๖ เสด็จกลับนคร เสด็จอย่างช้า ๆ เป็นเวลาหลายเดือน
ดนตรีบรรเลงเพลงกลองโยน ประกอบการชมนกชมไม้ ในขณะเสด็จดำเนินกลับเมือง
แผนภูมิการจัดวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่
( ภาพจาก www.thaigoodview.com )
ลักษณะการบรรเลงประกอบพิธีเทศน์มหาชาติ โดยใช้บทเพลงประจำกัณฑ์ทั้ง ๑๓ เพลงนั้น วงปี่พาทย์มีรูปแบบการปฏิบัติเปลี่ยนแปลงไป ด้วยวัดที่จัดเทศน์มหาชาติเปลี่ยนแปลงพิธีจากที่เคยจัดงาน ๒ วัน ๒ คืน โดยทำให้กระชับขึ้นด้วยการเทศน์รวบรัดให้จบภายในวันเดียว เนื่องจากพุทธศาสนิกชนผู้ฟัง ไม่มีเวลาที่จะมานั่งฟังได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน วงปี่พาทย์ที่บรรเลง จึงทำหน้าที่บรรเลงเพลงสาธุการส่งพระขึ้นธรรมาสน์ แล้วปิดท้ายด้วยเพลงเชิด และเพลงกราวรำหลังจากพระเทศน์จบเท่านั้น นักดนตรีรุ่นใหม่จึงแทบไม่ได้สัมผัสรับรู้กับเพลงประกอบพิธีเทศน์มหาชาติเหล่านี้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นอดีต
ปัจจุบันพบว่า การเทศน์มหาชาติมีความนิยมอีกรูปแบบหนึ่งคือ การเทศน์มหาชาติทรงเครื่อง หรือมหาชาติออกตัว โดยจัดให้มีผู้แสดงบทบาทประกอบ ตามเนื้อเรื่องเพื่อเพิ่มอรรถรส ให้ผู้ฟังเทศน์ได้ซาบซึ้งเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการช่วยผ่อนคลายที่ต้องนั่งฟังพระเทศน์เพียงอย่างเดียวด้วย นอกจากนี้การแสดงดังกล่าว ยังเป็นกุศโลบาย ในการหาปัจจัยให้กับทางวัดได้ดีด้วย การเทศน์มหาชาติออกตัวนิยมแสดงในกัณฑ์มัทรี อย่างไรก็ตามกลับเป็นผลดีทำให้วงปี่พาทย์ได้มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างขาดไม่ได้ แม้ว่าการบรรเลงของปี่พาทย์ มักทำหน้าที่บรรเลงเพลงประกอบการแสดงของตัวผู้แสดงออกตัวตามบทบาทนั้น ๆ เพลงที่ใช้เป็นเพลงหน้าพาทย์ง่าย ๆ เช่น เชิด โอด รัว และการบรรเลงประกอบการร้องทำนองเพลง กลอนสด แบบอย่างลิเก เป็นต้น การบรรเลงปี่พาทย์ประกอบพิธีเทศน์มหาชาติ ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสความเปลี่ยนแปลงของสังคม นักดนตรีรุ่นใหม่ไม่รู้จักเพลงบรรเลงประกอบการเทศน์มหาชาติ ด้วยความนิยมในการจัดให้มีการเทศน์มหาชาติลดน้อยลง ในส่วนที่ยังคงปฏิบัติมักตัดทอนเวลาให้สั้นลงจบในวันเดียว จึงทำให้วงปี่พาทย์ที่เคยเป็นดนตรีประกอบการเทศน์ถูกลดบทบาทตามไปด้วย ส่วนที่ยังเรียกใช้ในการบรรเลงประกอบการเทศน์มหาชาติทรงเครื่อง บทบาทหน้าที่ของวงปี่พาทย์ ถูกปรับเปลี่ยนไป โดยนัยทำหน้าที่ประกอบการแสดงของผู้แสดงประกอบมากกว่า การบรรเลงประกอบการเทศน์ บทเพลงต่าง ๆ ที่ใช้จึงเปลี่ยนแปลงไปตามหน้าที่ด้วย
สานต่อก่อปัญญา
๑. เหตุผลในการบรรเลงดนตรีไทยประกอบพิธีเทศน์มหาชาติคืออะไร
๒. ความสำคัญของพิธีเทศน์มหาชาติมีอะไรบ้าง
๓. เพลงที่ใช้บรรเลงประกอบพิธีเทศน์มหาชาติเป็นเพลงไทยประเภทใด
๔. วงดนตรีไทยที่บรรเลงประกอบพิธีเทศน์มหาชาติ คือวงดนตรีไทยประเภทใด มีเครื่องดนตรีไทยชนิดใดบ้าง
๕. วงดนตรีไทยที่มีเครื่องดนตรีไทยครบทั้ง ๔ ประเภท คือ วงดนตรีไทยประเภทใด
บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
แหล่งที่มาของข้อมูล
www.gotoknow.org
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1655