คมความคิด เกาะติดสถานการณ์
มุสลิมไทย
โพสต์
หน้าแรก
ข่าวเด่น
ข่าวโลกมุสลิม
ข่าวเจาะประเด็นโลก
ข่าวโลกอาหรับ
ข่าวกรรมการกลางฯ
ข่าวมุสลิมไทย
คอลัมนิสต์
ผู้หญิง
ปัตตานีดารุสลาม
ประเด็นร้อน
รูปภาพ
คลิป
เวลาละหมาด
คลังความรู้
อิสลามศึกษา
คลังความรู้
คลังสุขภาพ
ร้านอาหาร
แหล่งท่องเที่ยว
แฟชั่นมุสลิม
กูรูมุสลิมไทย
อัลกุรอาน
เกี่ยวกับเรา
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อโฆษณา
ติดต่อสำนักข่าว
ร่วมงานกับเรา
หน้าหลัก
ศาสนาและวัฒนธรรม
การทำนา
900
ผู้ชม
ต้นเดือนมิถุนายน
1. การทำนาดำ เป็นวิธีการทำนาที่มีการนำเมล็ดข้าวไปเพาะในแปลงที่เตรียมไว้ (แปลงกล้า)ให้งอกเป็นต้นกล้า แล้วถอนนำต้นกล้าไปปักลงในกระทงนาที่เตรียมเอาไว้ และมีการดูแลรักษาจนให้ผลผลิต การทำนาดำนิยมในพื้นที่ที่มีแรงงานเพียงพอ การทำนาดำ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้ การเตรียมดิน การเตรียมดินสำหรับการทำนา ต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อม เช่น น้ำ ภูมิอากาศ ลักษณะพื้นที่ ตลอดจนแบบวิธีการทำนา และเครื่องมือการเตรียมดินที่แตกต่างกัน การเตรียมดินแยกได้เป็น 2 ขั้นตอนคือ 1. การไถดะ และไถแปร คือ การพลิกหน้าดิน ตากดินให้แห้ง ตลอดจนเป็นการคลุกเคล้าฟาง วัชพืช ฯลฯ ลงไปในดิน เครื่องมือที่ใช้ อาจเป็น รถไถเดินตามจนถึง รถแทรกเตอร์ 2. การคราดหรือใช้ลูกทุบ คือการกำจัดวัชพืช ตลอดจนการทำให้ดินแตกตัว และเป็นเทือกพร้อมที่จะปักดำได้ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ทำต่อจากขั้นตอนที่ 1 และขังน้ำไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้มีสภาพดินที่เหมาะสมในการคราดหรือการใช้ลูกทุบ ในบางพื้นที่อาจมีการใช้ โรตารี การเตรียมดินในพื้นที่ที่อยู่ในสภาพภูมิประเทศต่างๆ นาที่สูง (ข้าวไร่) นาดอน (นาน้ำฝน) นาลุ่ม (นาชลประทาน) ข้อควรระวังในการเตรียมดิน 1. ควรปล่อยให้ดินนามีโอกาสแห้งสนิท เป็นระยะเวลานานพอสมควร และถ้าสามารถไถพลิกดินล่างขึ้นมาตากให้แห้งได้ก็จะดียิ่งขึ้น ถ้าดินเปียกน้ำติดต่อกันโดยไม่มีโอกาสแห้ง จะเกิดการสะสมของสารพิษ เช่นแก๊สไข่เน่า (ไฮโดรเจนซัลไฟด์) เป็นต้น ซึ่งถ้าแก๊สนี้มีปริมาณมากก็จะเป็นอันตรายต่อต้นข้าวได้ 2. ควรจะมีการปล่อยน้ำขังนาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้กระบวนการหมักและสลายตัวของอินทรียวัตถุเสร็จสิ้นเสียก่อน ดินจะปรับตัวอยู่ในสภาพที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของข้าว และจะปลดปล่อยธาตุอาหารที่จำเป็นออกมาให้แก่ต้นข้าว 3. ดินกรดจัดหรือดินเปรี้ยวจัด หรือดินกรดกำมะถัน เป็นดินที่มีสารที่จะก่อให้เกิดความเป็นกรด (pH ต่ำ) แก่ดินได้มากเมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ ดินพวกนี้จึงจำเป็นต้องขังน้ำไว้ตลอด เพื่อไม่ให้สารดังกล่าวได้สัมผัสกับออกซิเจน จึงควรที่จะขังน้ำไว้อย่างน้อย 1 เดือน ก่อนปักดำข้าว เพื่อให้ปฏิกิริยาต่างๆ ตลอดจนความเป็นกรดของดินลดลงสู่สภาวะปกติ และค่อนข้างเป็นกลางเสียก่อน ดินกลุ่มนี้ถ้ามีการขังน้ำตลอดปี หรือมีการทำนาปีละ 2 ครั้ง ก็จะเป็นการลดสภาวะความเป็นกรดของดิน และการเกิดสารพิษลงได้ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตของข้าวสูงขึ้น การตกกล้า การเตรียมต้นกล้าให้ได้ต้นที่แข็งแรง เมื่อนำไปปักดำก็จะได้ข้าวที่เจริญเติบโตได้รวดเร็ว และมีโอกาสให้ผลผลิตสูง ต้นกล้าที่แข็งแรงดีต้องมีการเจริญเติบโตและความสูงสม่ำเสมอกันทั้งแปลง มีกาบใบสั้น มีรากมากและรากขนาดใหญ่ ไม่มีโรคและแมลงทำลาย - การเตรียมเมล็ดพันธุ์ ที่ใช้ตกกล้าต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธ์ ปราศจากสิ่งเจือปน มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูง (ไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์) ปราศจากการทำลายของโรคและแมลง - การแช่และหุ้มเมล็ดพันธุ์ นำเมล็ดข้าวที่ได้เตรียมไว้บรรจุในภาชนะ นำไปแช่ในน้ำสะอาด นานประมาณ 12-24 ชั่วโมง จากนั้นนำเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาวางบนพื้นที่น้ำไม่ขัง และมีการถ่ายเทของอากาศดี นำกระสอบป่านชุบน้ำจนชุ่มมาหุ้มเมล็ดพันธุ์โดยรอบ รดน้ำทุกเช้าและเย็น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น หุ้มเมล็ดพันธุ์ไว้นานประมาณ 30-48 ชั่วโมง เมล็ดข้าวจะงอกขนาด “ตุ่มตา” (มียอดและรากเล็กน้อยโดยรากจะยาวกว่ายอด) พร้อมที่จะนำไปหว่านได้ เมล็ดข้าวหลังจากแช่และหุ้มแล้วพร้อมที่จะนำไปหว่าน ในการหุ้มเมล็ดพันธุ์นั้น ควรวางเมล็ดพันธุ์ไว้ในที่ร่ม ไม่ถูกแสงแดดโดยตรง และขนาดของกองเมล็ดพันธุ์ต้องไม่โตมากเกินไป หรือบรรจุถุงขนาดใหญ่เกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสูงในกองข้าว เพราะถ้าอุณหภูมิสูงมากเกินไปเมล็ดพันธุ์ข้าวจะตาย ถ้าอุณหภูมิพอเหมาะข้าวจะงอกเร็ว และสม่ำเสมอกันตลอดทั้งกอง - การตกกล้า การตกกล้ามีหลายวิธีการ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ เช่นการตกกล้าบนดินเปียก (ทำเทือก) การตกกล้าบนดินแห้ง และการตกกล้าใช้กับเครื่องปักดำข้าว การตกกล้าในสภาพเปียก หรือการตกกล้าเทือก เป็นวิธีที่ชาวนาคุ้นเคยกันดี การตกกล้าแบบนี้จะต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ การดูแลรักษาไม่ยุ่งยากและความสูญเสียจากการทำลายของศัตรูข้าวมีน้อย มีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้ - การเตรียมดิน ปฏิบัติเช่นเดียวกับแปลงปักดำ แต่เพิ่มความพิถีพิถันมากขั้น ในการเก็บกำจัดวัชพืช และปรับระดับเทือกให้ราบเรียบสม่ำเสมอ - การเพาะเมล็ดพันธุ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของการเตรียมเมล็ดพันธุ์ การแช่และหุ้มเมล็ดพันธุ์ โดยใช้อัตราเมล็ดพันธุ์ 50-60 กรัมต่อตารางเมตร หรือประมาณ 80-90 กิโลกรัมต่อไร่ จะได้กล้าสำหรับปักดำได้ประมาณ 15-20 ไร่ - การหว่านเมล็ดพันธุ์ ปล่อยน้ำแปลงกล้าให้แห้ง ทำเทือกให้ราบเรียบสม่ำเสมอ นำเมล็ดพันธุ์ที่เพาะงอกดีแล้วมาหว่านให้กระจายสม่ำเสมอตลอดแปลง ควรหว่านเมล็ดพันธุ์ตอนบ่ายหรือตอนเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดตอนเที่ยงซึ่งมีความร้อนแรงมาก อาจทำให้เมล็ดข้าวตายได้ - การให้น้ำ ถ้าตกกล้าไม่มากนัก หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์แล้วหนึ่งวัน สาดน้ำรดให้กระจายทั่วแปลง ประมาณ 3-5 วัน กล้าจะสูงพอที่ไขน้ำเข้าท่วมแปลงได้ แต่ถ้าตกกล้ามาก ไม่สามารถที่จะสาดน้ำรดได้ ให้ปล่อยน้ำหล่อเลี้ยงระหว่างแปลงย่อย ประมาณ 3-5 วัน เมื่อต้นกล้าสูงจึงไขน้ำเข้าท่วมแปลง และค่อยเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ ตามความสูงของต้นกล้าจนน้ำท่วมผิวดินตลอด ให้หล่อเลี้ยงไว้ในระดับลึกประมาณ 5-10 เซนติเมตร จนกว่าจะถอนกล้าไปปักดำ - การใส่ปุ๋ยเคมี ถ้าดินแปลงกล้ามีความอุดมสมบูรณ์สูง กล้างามดีก็ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย เพราะจะงามเกินไป ใบจะยาว ต้นอ่อน ทำให้ถอนแล้วต้นขาดง่ายและตั้งตัวได้ช้าเมื่อนำไปปักดำ แต่ถ้าดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ให้ใส่ปุ๋ยเคมีแอมโมเนียมฟอสเฟต (16-20-0) อัตราประมาณ 25-40 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่หลังหว่านเมล็ดพันธุ์แล้วประมาณ 7 วัน หรือเมื่อสามารถไขน้ำเข้าท่วมแปลงได้แล้ว (ดูรายละเอียดในเรื่องการใส่ปุ๋ยแปลงกล้า) - การดูแลรักษา ใช้สารป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูข้าวตามความจำเป็น แปลงกล้าในสภาพเปียก การตกกล้าในสภาพดินแห้ง การตกกล้าโดยวิธีนี้ ควรกระทำเมื่อฝนไม่ตกตามปกติ และไม่มีน้ำเพียงพอที่จะทำเทือกเพื่อตกกล้าได้ แต่มีน้ำพอที่จะใช้รดแปลงกล้าได้ มีวิธีการปฏิบัติดังนี้ - การเตรียมดิน เลือกแปลงที่ดอนน้ำไม่ท่วม มีการระบายน้ำดี อยู่ใกล้แหล่งน้ำที่จะนำมารดแปลง ทำการไถดะตากดินให้แห้ง แล้วไถแปร คราดดินให้แตกละเอียด เก็บวัชพืชออก ปรับระดับดินให้ราบเรียบ - การตกกล้า ทำได้ 2 แบบคือ 1. การหว่านข้าวแห้ง หว่านเมล็ดพันธุ์ลงในแปลงโดยตรง โดยไม่ต้องเพาะเมล็ดให้งอกก่อน ใช้อัตราเมล็ดพันธุ์เช่นเดียวกับการตกกล้าเทือก คือประมาณ 80-90 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วคราดกลบเมล็ดพันธุ์ให้จมดินพอประมาณ อย่าให้จมมาก เพราะจะทำให้เมล็ดงอกช้าและโคนกล้าอยู่ลึกทำให้ถอนยาก 2. การหว่านข้าวงอก เพาะเมล็ดให้งอกขนาดตุ่มตา (วิธีการเพาะเช่นเดียวกับการตกกล้าเทือก) อัตราเมล็ดพันธุ์เช่นเดียวกับการหว่านข้าวแห้ง ควรหว่านตอนบ่ายหรือเย็น หว่านแล้วคราดกลบและรดน้ำให้ชุ่มทันทีหลังการหว่าน การให้น้ำ แบบวิธีการหว่านข้าวแห้ง อาจหว่านทิ้งไว้คอยฝนได้ 7-10 วัน แต่ถ้ายังไม่มีฝนตกก็ให้รดน้ำให้ชุ่ม และต้องรดติดต่อกันทุกๆวัน โดยรดวันละ 3 ครั้ง เช่นเดียวกับวิธีหว่านข้าวแห้ง ทั้งแบบหว่านข้าวแห้ง และหว่านข้าวงอกเมื่อข้าวงอกโผล่พ้นดินประมาณ 1 เซนติเมตร หากมีน้ำพอก็ปล่อยน้ำเข้าหล่อร่องทางเดินให้เต็มร่อง เพื่อให้แปลงกล้าชุ่มทั่วกันแปลง จะได้ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน ถ้ามีน้ำเพียงพอ ก็ไขน้ำเข้าท่วมแปลงแบบวิธีตกกล้าเทือกก็ได้ แต่หากไม่มีน้ำเพียงพอก็ต้องใช้วิธีรดน้ำให้ดินชุ่ม และอาศัยน้ำฝนจนกว่าจะถอนกล้าไปปักดำได้ การใสปุ๋ยเคมีและการดูแลรักษาปฏิบัติเช่นเดียวกับการตกกล้าเทือก การตกกล้าใช้กับเครื่องปักดำข้าว เนื่องจากเครื่องปักดำข้าวมีหลากหลายยี่ห้อ และมีกรรมวิธีรายละเอียดแตกต่างกัน การตกกล้าเพื่อใช้กับเครื่องเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะมีคำแนะนำบอกมาพร้อมเครื่อง การปักดำ การปักดำควรทำเป็นแถวเป็นแนวซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการกำจัดวัชพืช การใส่ปุ๋ย การพ่นยากำจัดโรคแมลง และยังทำให้ข้าวแต่ละกอมีโอกาสไดรับอาหารและแสงแดดอย่างสม่ำเสมอกัน สำหรับระยะปักดำนั้นขึ้นกับชนิดและพันธุ์ข้าว ดังนี้ - พันธุ์ข้าวไม่ไวแสงหรือข้าวนาปรัง เช่นพันธุ์ สุพรรณบุรี1 ชัยนาท1 พิษณุโลก2 ควรใช้ระยะปักดำระหว่างแถวและระหว่างกอ 20x20 เซนติเมตร หรือ 20x25 เซนติเมตร - พันธุ์ข้าวไวแสงหรือข้าวนาปี เช่น เหลืองประทิว123 ขาวดอกมะลิ105 กข15 กข6 ปทุมธานี60 ควรใช้ระยะปักดำ 25x25 เซนติเมตร ปักดำจับละ 3-5 ต้น ปักดำลึกประมาณ 3-5 เซนติเมตร จะทำให้ข้าวแตกกอใหม่ได้เต็มที่ การปักดำลึกจะทำให้ข้าวตั้งตัวได้ช้าและแตกกอได้น้อย ไม่ควรตัดใบกล้าเพราะการตัดใบกล้าจะทำให้เกิดแผลที่ใบ จะทำให้โรคเข้าทำลายได้ง่าย ควรตัดใบกรณีที่จำเป็นจริงๆ เช่น ใช้กล้าอายุมาก มีใบยาว ต้นสูง หรือมีลมแรง เมื่อปักดำแล้วจะทำให้ต้นข้าวล้ม อายุกล้า การใช้กล้าอายุที่เหมาะสม จะทำให้ข้าวตั้งตัวเร็ว แตกกอได้มาก และให้ผลผลิตสูง อายุกล้าที่เหมาะสมสำหรับปักดำ ขึ้นอยู่กับชนิดและพันธุ์ข้าวดังนี้ - พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสงหรือข้าวนาปรัง เช่นพันธุ์ สุพรรณบุรี1 ชัยนาท1 พิษณุโลก2 ควรใช้กล้าที่มีอายุประมาณ 20-25 วัน - พันธุ์ข้าวไวต่อช่วงแสงหรือข้าวนาปี เช่น เหลืองประทิว123 ขาวดอกมะลิ105 กข15 กข6 ปทุมธานี60 ควรใช้กล้าที่มีอายุประมาณ 25-30 วัน ระดับน้ำในการปักดำ ควรมีระดับน้ำในนาน้อยที่สุด เพียงแค่คลุมผิวดิน เพื่อป้องกันวัชพืชและประคองต้นข้าวไว้ไม่ให้ล้ม การควบคุมระดับน้ำหลังปักดำก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะระดับน้ำลึกจะทำให้ต้นข้าวแตกกอน้อย ซึ่งจะทำให้ผลผลิตต่ำ ควรควบคุมให้อยู่ในระดับลึกประมาณ 1 ฝ่ามือ (20 เซนติเมตร) การดูแลรักษา การใส่ปุ๋ย การกำจัดวัชพืช การกำจัดโรค แมลง และสัตว์ศัตรูข้าว 2. การทำนาหว่าน เป็นการปลูกข้าวโดยการหว่านเมล็ดลงไปในนาที่เตรียมพื้นที่ไว้แล้วโดยตรง เป็นวิธีการที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากประหยัดแรงงานและเวลา การทำนาหว่าน แบ่งเป็น 2 วิธี คือ 1. นาหว่านข้าวแห้ง เป็นการหว่านเมล็ดข้าวเพื่อคอยฝน และมีชื่อเรียกปลีกย่อยไปตามวิธีปฏิบัติ คือ - การหว่านสำรวย เป็นการหว่านในสภาพดินแห้ง เนื่องจากฝนยังไม่ตก โดยหลังจากการไถแปรครั้งสุดท้ายแล้วหว่านเมล็ดข้าวลงไปโดยไม่ต้องคราดกลบ เมล็ดจะตกลงไปอยู่ในระหว่างก้อนดิน เมื่อฝนตดลงมาเมล็ดข้าวจะงอกขึ้นมาเป็นต้น - การหว่านหลังขี้ไถ เป็นการหว่านในสภาพที่มีฝนตกลงมา และน้ำเริ่มจะขังในกระทงนา เมื่อไถแปรแล้วก็หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวตามหลัง แล้วคราดกลบทันที การหว่านสำรวย การหว่านหลังขี้ไถ 2. นาหว่านข้าวงอก หว่านน้ำตมหรือหว่านเพาะเลย โดยการนำเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ถูกเพาะให้งอก มีขนาดตุ่มตา (มีรากงอกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร) แล้วจึงหว่านลงในกระทงนา ซึ่งมีการเตรียมดินจนเป็นเทือก แยกเป็น - การหว่านหนีน้ำ ทำในนาน้ำฝน เนื่องจากการหว่านข้าวแห้งหรือทำการตกกล้าไม่ทัน เมื่อฝนมามาก หลังจากเตรียมดินเป็นเทือกดีแล้ว ก็หว่านข้าวที่เพาะจนงอก ลงไปในกระทงนาที่มีน้ำขังอยู่มากจึงเรียกว่า นาหว่านน้ำตม - นาชลประทาน หรือนาในเขตที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ การทำนาในสภาพนี้มักจะให้ผลผลิตสูง หลังจากเตรียมดินเป็นเทือกดีแล้วระบายน้ำออกหรือให้เหลือน้ำขังบนผืนนาน้อยที่สุด นำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่งอกขนาด “ตุ่มตา” หวานลงไป แล้วคอยดูแลควบคุมการให้น้ำ มักจะเรียกการทำนาแบบนี้ว่า “การทำนาน้ำตมแผนใหม่” การทำนาหว่านน้ำตม การทำนาหว่านน้ำตมที่จะให้ได้ผลดีนั้น จะต้องปรับพื้นที่นาให้สม่ำเสมอ มีคันนาล้อมรอบและสามารถควบคุมน้ำได้ การเตรียมดินก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับการเตรียมดินในนาดำ หลังการเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ควรปล่อยให้เมล็ดข้าวที่ร่วงหล่นในนามีเวลางอกเป็นต้นข้าว เพื่อลดปัญหาข้าวเรื้อ หรือข้าววัชพืชในนา แล้วจึงไถดะ แล้วปล่อยน้ำเข้าพอให้ดินชุ่มอยู่เสมอ ประมาณ 5-10 วัน เพื่อให้เมล็ดวัชพืช งอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อนเสียก่อนจึงปล่อยน้ำเข้านา แล้วทำการไถแปรและคราด หรือใช้ลูกทุบตี จะช่วยทำลายวัชพืชได้ หากทำเช่นนี้ 1-2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น โดยทิ้งระยะห่างกันประมาณ 4-5 วัน หลังจากไถดะไถแปร และคราดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขังน้ำไว้ประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อให้ลูกหญ้าที่เป็นวัชพืชน้ำ เช่น ผักตบ ขาเขียด ทรงกระเทียม ผักปอดและพวกกกเล็ก เป็นต้น งอกเสียก่อน จึงคราดให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ลูกหญ้าจะหลุดลอยไปติดคันนาใต้ทางลม ก็จะสามารถช้อนออกได้หมด เป็นการทำลายวัชพืชวิธีหนึ่ง เมื่อคราดแล้วจึงระบายน้ำออกและปรับเทือกให้สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่ใช้ลูกทุบหรืออีขลุก ย่ำฟางข้าวให้จมลงไปในดินแทนการไถ หลังจากย่ำแล้วควรเอาน้ำแช่ไว้ ให้ฟางเน่าเปื่อยจนหมดความร้อนเสียก่อน อย่างน้อย 3 อาทิตย์ แล้วจึงย่ำใหม่ เพราะแก๊สที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของฟางจะเป็นอันตรายต่อต้นข้าว จะทำให้รากข้าวดำไม่สามารถหาอาหารได้ หลังจากนั้นจึงระบายน้ำออกเพื่อปรับเทือก การปรับพื้นที่นาหรือการปรับเทือกให้สม่ำเสมอ จะทำให้ควบคุมน้ำได้สะดวก การงอกของข้าวดีเติบโตสม่ำเสมอ เพราะเมล็ดข้าวมักจะตายถ้าตกลงไปในแอ่งหรือหลุมที่มีน้ำขัง เว้นแต่กรณีดินเป็นกรดจัดละอองดินตกตะกอนเร็วเท่านั้นที่ต้นข้าวสามารถขึ้นได้ แต่ถ้าแปลงใหญ่เกินไปจะทำให้น้ำเกิดคลื่น ทำให้ข้าวหลุดลอยง่าย และข้าวรวมกันเป็นกระจุก ไม่สม่ำเสมอ นอกจากนั้นการปรับพื้นที่ให้สม่ำเสมอ ยังช่วยควบคุมการงอกของเมล็ดวัชพืช ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการทำนาหว่านน้ำตมอีกด้วย การปรับพื้นที่ทำเทือก ควรทำก่อนหว่านข้าวหนึ่งวัน เพื่อให้ตะกอนตกดีเสียก่อน แล้วแบ่งกระทงนาออกเป็นแปลงย่อยๆ ขนาดกว้าง 3-5 เมตร ยาวตามความยาวของกระทงนา ทั้งนี้แล้วแต่ความสามารถของคนหว่าน ถ้าคนหว่านมีความชำนาญอาจแบ่งให้กว้าง การแบ่งอาจใช้วิธีแหวกร่อง หรือใช้ไหกระเทียมผูกเชือกลากให้เป็นร่องก็ได้ เพื่อให้น้ำตกลงจากแปลงให้หมด และร่องนี้ยังใช้เป็นทางเดินระหว่างหว่านข้าว หว่านปุ๋ย และพ่นสารเคมีได้ตลอดแปลง โดยไม่ต้องเข้าไปในแปลงย่อยได้อีกด้วย การเตรียมเมล็ดพันธุ์ - ตรวจความบริสุทธิ์ของเมล็ดพันธุ์ พิจารณาว่ามีเมล็ดข้าวพันธุ์อื่นหรือเมล็ดวัชพืชปนหรือไม่ ไม่มีโรคหรือแมลงทำลาย รูปร่างเมล็ดมีความสม่ำเสมอ ถ้าพบว่ามีเมล็ดข้าวพันธุ์อื่นหรือเมล็ดวัชพืชปน หรือมีโรค แมลงทำลายก็ไม่ควรนำมาใช้ทำพันธุ์ - การทดสอบความงอก โดยการนำเมล็ดข้าว จำนวน 100 เมล็ด มาเพาะเพื่อดูเปอร์เซ็นต์ ความงอก อาจทำ 3-4 ซ้ำเพื่อความแน่นอน เมื่อรู้ว่าเมล็ดงอกกี่เปอร์เซ็นต์จะได้กะปริมาณพันธุ์ข้าวที่ใช้ได้ถูกต้อง - คัดเมล็ดพันธุ์ให้ได้เมล็ดที่แข็งแรง มีน้ำหนักเมล็ดดีที่เรียกว่าข้าวเต็มเมล็ด จะได้ต้นข้าวที่เจริญเติบโตแข็งแรง อัตราเมล็ดพันธุ์ อัตราเมล็ดพันธุ์ที่ใช้ในการทำนาหว่านน้ำตม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ กล่าวคือ ถ้ามีการเตรียมดินไว้ดี มีเทือกอ่อนนุ่ม พื้นดินปรับได้ระดับ เมล็ดที่ใช้เพียง 7-8 กิโลกรัมหรือ 1 ถังต่อไร่ ก็เพียงพอที่จะทำให้ได้ผลผลิตสูง แต่ถ้าพื้นที่ปรับได้ไม่ดี การระบายน้ำทำได้ยาก รวมถึงอาจมีการทำลายของนก หนู หลังจากหว่าน เมล็ดที่ใช้หว่านควรมากขึ้น เพื่อชดเชยการสูญเสีย ดังนั้นเมล็ดที่ใช้ควรเป็นไร่ละ 15-20 กิโลกรัม การหว่าน ควรหว่านให้สม่ำเสมอทั่วแปลง ข้าวจะได้รับธาตุอาหาร แสงแดด และเจริญเติบโตสม่ำเสมอกัน ทำให้ได้ผลผลิตสูง โดยเดินหว่านในร่องแคบๆ ที่ทำไว้ เมล็ดพันธุ์ที่ใช้หว่านแต่ละแปลงย่อย ควรแบ่งออกเป็นส่วนๆ ตามขนาดและจำนวนแปลงย่อย เพื่อเมล็ดข้าวที่หว่านลงไปจะได้สม่ำเสมอทั่วทั้งแปลง ในนาที่เป็นดินทรายมีตะกอนน้อยหลังจากทำเทือกแล้วควรหว่านทันที กักน้ำไว้หนึ่งคืนแล้วจึงระบายออก จะทำให้ข้าวงอกและจับดินดียิ่งขึ้น การหว่าน การกระจายของเมล็ดข้าวหลังหว่าน สภาพการงอกและเจริญเติบโตหลังหว่าน การดูแลรักษา การทำนาหว่านน้ำตม จะต้องมีการดูแลให้ต้นข้าวงอกดีโดยพิจารณาถึง 1. พันธุ์ข้าว การใช้พันธุ์ข้าวนาปีซึ่งมีลำต้นสูง ควรจะทำการหว่านข้าวให้ล่า ให้อายุข้าวจากหว่านถึงออกดอกประมาณ 70-80 วัน เนื่องจากความยาวแสงจะลดลง จะทำให้ต้นข้าวเตี้ยลง เนื่องจากถูกจำกัดเวลาในการเจริญเติบโตทางต้นและทางใบ ทำให้ต้นข้าวแข็งขึ้นและไม่ล้มง่าย สำหรับข้าวที่ไม่ไวแสงหรือข้าวนาปรังไม่มีปัญหา เพียงแต่กะระยะให้เก็บเกี่ยวในระยะฝนทิ้งช่วง หรือหมดฝน หรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ข้าวบางพันธุ์ เช่น ปทุมธานี 1 ออกดอกในฤดูหนาวเป็นต้น 2. ระดับน้ำ การจะผลผลิตข้าวให้ได้ผลผลิตสูงการควบคุมระดับน้ำเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะตั้งแต่เริ่มหว่านจนข้าวแตกกอ ระดับน้ำไม่ควรเกิน 5 เซนติเมตร เมื่อข้าวแตกกอเต็มที่ ระดับน้ำอาจเพิ่มสูงขึ้นได้ เพื่อจะได้ไม่ต้องสูบน้ำบ่อยๆ แต่ไม่ควรเกิน 10 เซนติเมตร เพราะถ้าระดับน้ำสูงจะทำให้ต้นข้าวที่แตกกอเต็มที่แล้ว เพิ่มความสูงของต้น และความยาวของใบ โดยไม่ได้ประโยชน์อะไร เป็นเหตุให้ต้นข้าวล้ม เกิดการทำลายของโรคและแมลงได้ง่าย 3. การใส่ปุ๋ย ต้องใส่ปุ๋ยให้ถูกต้องตามระยะเวลาที่ข้าวต้องการ จำนวนที่พอเหมาะ จึงจะให้ผลคุ้มค่า (ดูรายละเอียดเรื่องการใส่ปุ๋ย) 4. การใช้สารกำจัดวัชพืช วัชพืชเป็นปัญหาใหญ่ในการทำนาหว่าน้ำตม การปรับระดับพื้นที่ให้ราบเรียบสม่ำเสมอและการควบคุมระดับน้ำจะช่วยลดประชากรวัชพืชได้ส่วนหนึ่ง ถ้ายังมีวัชพืชในปริมาณสูงจำเป็นต้องใช้สารเคมี (ดูรายละเอียดเรื่องวัชพืช) 5. การป้องกันกำจักโรคแมลง ปฏิบัติเหมือนการทำนาดำ (ดูรายละเอียดเรื่องโรคแมลงศัตรูข้าว) สาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ทุกระดับชั้นและทุกท่านที่สนใจ ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในชั้นเรียน นักเรียนควรศึกษาข้อมูลจากที่ใดได้บ้าง กิจกรรมเสนอแนะ ควรศึกษาข้อมูลจากห้องสมุดและจากอินเตอร์เน็ต การบูรณาการ ภาษาไทย การอ่าออกเสียง การอ่านคำยาก การอ่านจับใจความ ศิลป วาดภาพ ที่มาแหล่งข้อมูลhttps://kkn-rsc.ricethailand.go.th/rice/plant/tamna.html
ที่มา :
https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=4659
มาแรงรอบสัปดาห์
อัพเดทล่าสุด
3 อาชีพนี้ มีโอกาสเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จได้"มากกว่า"
ในทุกยุคสมัยปรากฏการณ์หนึ่งที่ยังคงสังเกตเห็นอยู่เสมอ นั่นคือ อาชีพของพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะถูก “สืบทอด” มาจากรุ่นต่อรุ่น พูดอย่างง่ายๆ ก็คือ หากพ่อแม่ทำงานในสายอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ลูกของพวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะประกอบอาชีพที่คล้ายกันเมื่อเติบโตขึ้น
เคล็ดลับ "ใส่เกลือในตู้เย็น" ที่ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องกลิ่นเท่านั้น
เกลือไม่เพียงแต่เป็นส่วนผสมที่คุ้นเคยในห้องครัว เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารเท่านั้น และยังมีคุณประโยชน์ที่น่าแปลกใจอีกมากมายที่หลายคนอาจไม่รู้มาก่อน
ทำไม "สมการออยเลอร์" จึงได้ชื่อว่า "สวยงามที่สุด" ในคณิตศาสตร์?
พาไปรู้จักกับสมการที่ถือว่ามีความงดงามที่สุดในคณิตศาสตร์คือ สมการออยเลอร์ (Euler's identity) ของ เลออนฮาร์ต ออยเลอร์ นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ชาวสวิส และบุคคลแรกที่เริ่มใช้คำว่า "ฟังก์ชัน"
ความหมายของ “つづく” หลังการ์ตูนญี่ปุ่นจบคืออะไร? ออกเสียงอย่างไร?
หากคุณเป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่น หรือชื่นชอบดูอนิเมะเป็นประจำ คุณอาจเคยเห็นคำว่า "つづく" (สึซุคุ tsuzuku) ปรากฏขึ้นบนหน้าจอหลังจากตอนจบของเรื่อง
"โอเลี้ยง" นับเป็น "กาแฟดำ" หรือ "อเมริกาโน" หรือไม่? แล้ว "โอเลี้ยงยกล้อ" คืออะไร?
โอเลี้ยงมีความคล้ายคลึงกับ "กาแฟดำ" หรือ "อเมริกาโน" ในแง่ของการไม่เติมนมหรือครีม อย่างไรก็ตาม
5 วิธีแก้ปัญหาผมร่วงง่ายๆ ไม่อันตราย แถมลดร่วงได้จริง
ถ้าสาวๆ กำลังประสบปัญหาผมร่วง จนกลายเป็นคนผมบาง ข้อแนะนำเทคนิคดี ๆ มาแชร์เพื่อแก้ปัญหา ต่อสู้กับผมร่วงและลดอาการผมบาง
ฮารีรายอ ความสุขของชาวมุสลิม
ฮารีรายอ เป็นวันสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกวันหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นวันรื่นเริงประจำปีซึ่งชาวมุสลิมได้เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง เพื่อเข้าร่วมประกอบพิธีกรรมทางศาสนาโดยพร้อมเพรียงกัน
แฟชั่นปลอดภัยสไตล์มุสลิม การแต่งกายตามหลักศาสนา
เมื่อพูดถึงแฟชั่น ทุก ๆ คนเข้าใจกันดีว่าคือการแต่งกาย การแต่งตัวอย่างไรให้เข้ากับสถานที่ เวลา และโอากกาศต่าง ๆ ซึ่งการแต่งกายที่ถูกตามกาลเทศะจะทำให้เราดูดีขึ้นและเพิ่มความมั่นใจให้แก่เราทุก ๆ คนมากขึ้น ไม่เขิลอายเมื่อพบเจอผู้คนมากมาย
7 ดุอาอฺ ที่จะช่วยส่งเสริมคุณ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ในเส้นทางชีวิต ความสำเร็จมักเกิดขึ้นกับผู้ที่สงบนิ่งและสม่ำเสมอในการพยายามและปฏิบัติธรรม สำหรับชาวมุสลิมหลายๆ คน ดุอาอฺ (การขอพร) ถือเป็นรากฐานของชีวิตประจำวัน
54 วิธี แสดงความปรารถนาดี เพื่อสามีสุดที่รัก
54 วิธี ที่ภรรยา จะแสดงความรัก และความปรารถนาดี เพื่อสามีสุดที่รัก
ลองแล้ว "กินกล้วยทุกวัน" สู้มะเร็งลำไส้ เผยผลลัพธ์ผ่านไป 7 เดือน แทบช็อก!
หนุ่มเชื่อ เพื่อนบ้านแนะนำ "กินกล้วยทุกวัน" จะทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้นมาก อาจรักษามะเร็งลำไส้ได้ ผ่านไป 7 เดือน ผลตรวจล่าสุด ทำหมอกุมขมับ
ข้าวเหนียวมะม่วง กับเหตุผลง่าย ๆ ที่ต่างชาติชื่นชอบ
ข้าวเหนียวมะม่วง เมนูของหวานยอดนิยมของไทย ที่ครองใจชาวต่างชาติ ข้าวเหนียวมะม่วงมีต้นกำเนิดจากวัฒนธรรมการกินข้าวเหนียวร่วมกับผลไม้ตามฤดูกาล
วิตามินดีๆ (D) ที่คุณอาจไม่เคยรู้ ?
“วิตามินดี” เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ช่วยทำให้แคลเซียมที่รับประทานเข้าไปสามารถดูดซึมจากสำไส้ได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง
"การบูร-พิมเสน" ภัยเงียบใกล้ตัว
ผู้ใช้ยาดมส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ปัจจุบันยาดมสมัยใหม่มีการปรับปรุงให้มีความทันสมัย เป็นที่เตะตาของคนยุคใหม่
เชื่อหรือไม่ ? การนอนที่ดีจะทำให้คุณรวยขึ้นได้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าเรื่อง การนอนกับการกินนั้นเกี่ยวข้องกัน ซึ่ง การกินและการเสียเงิน ก็เกี่ยวข้องกันอย่างยากจะปฏิเสธ ในยุคที่คนส่วนใหญ่ต้องใช้เงิน เพื่อซื้อหาอาหาร
เมื่อเกิดไฟไหม้ในที่อยู่อาศัยควรทำอย่างไร? สิ่งแรกที่ต้องทำคือ?
เมื่อเกิดเพลิงไหม้ในที่อยู่อาศัย เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง ก่อนจะพยายามดับไฟเบื้องต้น ต้องสังเกตสิ่งต่อไปนี้
8 ท่านอนแนะนำ นอนท่านี้แล้วดี เลี่ยงเจ็บป่วย ร่างกายแข็งแรง
คุณเคยพิจารณาถึง ความสำคัญของท่าทางการนอนที่ดีหรือไม่? แม้ว่าคุณอาจจะมีหรือไม่มีท่าทาง ที่คุณชอบเป็นการส่วนตัว แต่ท่าทางการนอนก็ส่งผลต่อสุขภาพของคุณ รวมถึงคุณภาพการนอนหลับของคุณด้วย
รู้ไว้ใช่ว่า ความสะอาดที่แท้จริง เป็นยังไง ?
ความสะอาด ( اَلطَّهَارَةُ ) ความสะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก ซึ่งจะต้องทำความสะอาดโดยน้ำ เป็นหลักการสำคัญในศาสนาอิสลาม เป็นครึ่งหนึ่งของการศรัทธา
5 สิ่งควรรู้ก่อนไปเที่ยวประเทศมุสลิม
อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของนักท่องเที่ยวไทยในตอนนี้ คงหนีไม่พ้น ดินแดนแถบตะวันออกกลาง อย่างประเทศอิหร่าน อียิปต์ ตุรกี
"รถไฟเล็กไร้คนขับ" โลจิสติกลดต้นทุนในฟาร์ม (คลิป)
"รถไฟเล็กไร้คนขับ" เป็นยานพาหนะขนส่งรางเดียว วิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ใช้งานในที่แคบ ขรุขระ บรรทุกสินค้าได้ เที่ยวละ 200 กิโลกรัม สามารถขนส่งผัก ปุ๋ย และอุปกรณ์ทางการเกษตรอื่นๆ ในสภาพพื้นที่ที่เป็นภูเขา ที่ลาดชัน
สายกินต้องรู้! เทคนิคนับคาร์บ กินเป็นลดเสี่ยงโรค
"คาร์บ" ก็คือ คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ซึ่งตั้งแต่เด็กเราคงเคยเรียนกันมาแล้ว ว่า คาร์โบไฮเดรต อยู่ในอาหารหลัก 5 หมู่
6 ผลไม้เพื่อคนรักสุขภาพ น้ำตาลน้อย ไฟเบอร์สูง ช่วยหุ่นสวย สุขภาพดีระยะยาว
การเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สาว ๆ ทุกคนต้องใส่ใจ โดยเฉพาะเรื่องผลไม้ที่มีทั้งรสชาติอร่อยและประโยชน์มากมาย
ต้นหอม คือ ยาอายุวัฒนะ รู้หรือเปล่า?
ต้นหอม หรือที่เรียกอีกอย่างว่า กุ้ยช่าย (Allium Schoenoprasum) เป็นพืชที่มีกลิ่นหอม ที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต ส่งเสริมการลดน้ำหนัก
7 กลุ่มของมุอฺมิน ที่ได้รับร่มเงาจากอัลลอฮ์ (ซบ.ฯ)
ไม่มีคุณค่าใด ไม่มีสิ่งใดซึ่งยิ่งใหญ่ ไม่มีเมตตาใดที่มีเกียรติมหาศาลไปกว่า การที่เราได้ถูกบังเกิด มาเพื่อทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์
วิถีอิสลาม ความเรียบง่ายแห่งการใช้ชีวิต
อิสลาม เป็นศาสนาที่บอกถึง วิธีการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์มากที่สุด ไม่ว่าจะในแง่ของการดำรงชีพ การแสวงหาปัจจัยยังชีพ
โอกาสพิเศษแห่งการตอบรับคำวิงวอน (ดุอาอ์)
เดือนรอมฎอนอันจำเริญ เป็นเดือนแห่งการวิงวอนขอ (ดุอาอ์) และการภาวนา (ละหมาด) ต่อพระผู้เป็นเจ้า เป็นเดือนที่ผู้ศรัทธา ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากกว่า
ความพิเศษ 12 ประการ ของเดือนรอมฎอน
เดือนรอมฎอน เป็นเดือนหนึ่งในปฏิทินของอาหรับ จาก 12 เดือน ซึ่งถือเป็นเดือนที่มีความสำคัญ มีความประเสริฐ และมีความพิเศษมากที่สุด ในบรรดาเดือนทั้งหลาย
ฟิดยะฮฺ กัฟฟาเราะฮฺ ใครต้องจ่าย?
เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเดือนที่เปิดโอกาสให้ มุสลิมทุกคนได้ทำความดี ซึ่งมีผลตอบแทนที่ทวีคูณ การถือศีลอด เป็นหนึ่งในเสาหลักที่ถือเป็นวาญิบ และการละเว้นการปฏิบัติ ย่อมต้องมีการ ชดใช้ หรือการทดแทน
กียามุลลัยลฺ การละหมาดยามค่ำคืน
ท่านนบี ไม่เคยละทิ้งการละหมาดในยามค่ำคืน (กิยามุลลัยลฺ) ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่ในถิ่นอาศัยหรืออยู่ระหว่างการเดินทาง คืนใดที่ท่านเผลอหลับลึกไม่ทันตื่น หรือเจ็บป่วยไม่สบาย ท่านก็จะละหมาดในเวลากลางวัน จำนวนสิบสองร็อกอัต เป็นการทดแทน
การเห็นพระจันทร์ หรือวันสิ้นเดือนซะบาน ? จึงยืนยันการเริ่มต้นรอมฎอน
คำแนะนำที่แท้จริง เกี่ยวกับการเห็นดวงจันทร์ สำหรับเดือนรอมฎอนอันเป็นสิริมงคล ที่อัลลอฮ์ได้ประทานพร แก่ผู้รับใช้ที่จริงใจของพระองค์ ตามคัมภีร์ และซุนนะห์
อากาศที่ร้อน แห้งแล้ง กับการถือศีลอด
กษัตริย์ฮิลาคลิอุส แห่งอาณาจักรโรม ได้ยกกองทัพใหญ่เพื่อหวังจะมาหยุดยั้งความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอิสลาม เมื่อท่านนบีทราบข่าว ท่านนบีก็ได้เตรียมทัพเพื่อที่จะต่อสู้กับกองทัพโรม ท่านนบียกทัพจากนครมะดีนะฮฺ ไปยังสถานที่ที่เรียกว่า ตะบู๊ก
7 เครื่องดื่มที่ดีที่สุด สำหรับการละศีลอด
สำหรับผู้ที่ถือศีลอด นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีเยี่ยม ในการสร้างความใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก ปฏิบัติตามศรัทธา และเพลิดเพลินไปกับเทศกาลนี้ อย่างไรก็ตาม การถือศีลอดเป็นองค์ประกอบหนึ่ง ในช่วงรอมฎอน ที่ต้องเตรียมตัวและดูแลอย่างเหมาะสม