โรคราสนิม เป็นโรคที่สร้างความเสียหายให้กับเกษตกรชาวสวนเป็นอย่างมาก สมควรที่เราจะมาทำความรู้จักโรคนี้ไว้ เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้
ถั่วเหลืองเชียงใหม่ 5 ต้านโรคราสนิม
หนังสือพิมพ์เดลีนิวส์ ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2552 ได้นำเสนอข่าว ถั่วเหลืองเชียงใหม่5ต้านโรคราสนิม โดยนางชุติมันต์ พานิชศักดิ์พัฒนา นักวิชาการโรคพืชชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยพืชไร่ กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า วันที่ 27-29 สิงหาคม 2552 จะมีการจัดประชุมพืชไร่วงศ์ถั่วแห่งชาติ โดยในการประชุมดังกล่าว สถาบันวิจัยพืชไร่จะนำผลงานการวิจัยถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่ 5 ที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยประเภทประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2552 จากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คุณสมบัติและลักษณะเด่นของถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่ 5 มีดังนี้ 1.ต้านทานโรคราสนิม มีเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของใบเนื่องจากโรคราสนิมต่ำ และอัตราความก้าวหน้าความรุนแรงของโรคราสนิมช้า ในวันนี้เราจึงมาทำความรู้จักโรคราสนิมเพื่อเป็นความรู้รอบตัวกันดีกว่า
เนื้อหาสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หรือช่วงชั้นที่ 3
ขอขอบคุณกรมส่งเสริมการเษตรที่เอื้อเฟื้อภาพ
โรคราสนิม (Rust)
ชื่อเชื้อสาเหตุุ
เกิดจากเชื้อรา Phakopsora pachyrhizi Sydow
ลักษณะอาการของโรค
อาการของโรคจะพบได้บนใบกิ่งก้านและลำต้น แต่ส่วนใหญ่จะพบบนใบอาการครั้งแรกจะสังเกตเห็นได้ โดยใต้ใบจะมีจุดสีน้ำตาลเทาเล็ก ๆ โดยจะเริ่มจากใบที่อยู่ด้านล่าง ๆ ของลำต้น จุดนี้จะขยายขึ้นมีลักษณะนูนดูคล้ายผงสีน้ำตาลคล้ายสีสนิมเหล็ก ซึ่งอาจพบได้ทั้งด้านบนและด้านใต้ใบ แต่จะพบเห็นได้ชัดเจนที่ด้านใต้ใบ (ภาพที่ 1) ในระยะหลังนี้เมื่อลองใช้มือลูบที่บริเวณจุดนูนเหล่านี้จะพบผงสปอร์สีน้ำตาลคล้ายสนิมเหล็กติดมือมา ใบถั่วเหลืองที่เป็นโรคมาก ๆ จะมีอาการเหลือง แห้ง และจะล่วงก่อนกำหนด อาจทำให้ฝักและเมล็ดที่ได้จะมีขนาดเล็กลง ผลผลิตลดลง
อาการของโรคราสนิมในระยะเริ่มแรกจะใกล้เคียงกับโรคใบจุดนูน ทำให้เกิดการสับสนในการวินิจฉัยได้ อย่างไรก็ตามหากดูด้วยแว่นขยายจะพบว่าเนื้อเยื่อรอบจุดแผลของโรคราสนิม จะไม่มีลักษณะช้ำน้ำให้เห็น และลักษณะของจุดแผลจะค่อนข้างแหลม
ส่วนในถั่วลิสงที่เป็นโรค จะพบแผลตายสีน้ำตาลขนาดเท่าหัวเข็มหมุด กระจายอยู่ทั่วผิวใบเริ่มจากใบล่าง แล้วค่อยลุกลามขึ้นสู่ใบบน แผลดังกล่าวถ้าดูจากด้านหลังใบ จะปรากฏเป็นเพียงจุดสีเหลือง แต่เมื่อพลิกดูใต้ใบจึงจะเห็นเป็นตุ่มนูนขึ้น (pustule) ปกคลุมด้วยผงสปอร์ลักษณะคล้ายผงสนิมเหล็กจำนวนมากมาย ในกรณีที่เป็นโรครุนแรงใบอาจจะเหลือและแห้งตาย
โรคราสนิมนี้ถ้าเกิดโรคระยะที่ถั่วแก่แล้วจะไม่ทำความเสียหายกับผลผลิตมากนัก แต่ถ้าเข้าทำลายในระยะที่ถั่วลิสงอยู่ในระยะออกดอกถึงฝักอ่อน จะทำให้ผลผลิตลดลงมาก โดยมีผลทำให้เมล็ดถั่วลิสงมีขนาดเล็กและลีบ
ขอขอบคุณกรมวิชาการเกษตรที่เอื้อเฟื้อภาพ
การแพร่ระบาด
- โรคราสนิมแพร่ระบาดได้ดีในสภาพพื้นที่ที่มีความชื้นสูง อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 18-21 องศาเซลเซียส ในการแพร่ระบาดจะอาศัยลมเป็นตัวการพัดพาสปอร์จากต้นถั่วเหลืองที่เป็นโรค เชื้อนี้ไม่สามารถอาศัยอยู่ในเมล็ด แต่สปอร์อาจปะปนไปกับเมล็ดพันธุ์ได้
- พืชที่โรคราสนิมสามารถติดต่อได้ มีหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง อ้อย ข้าวโพด ลีลาวดี เป็นต้น
การป้องกันกำจัด
1. ใช้ถั่วเหลืองพันธุ์เชียงใหม่ 60, สจ.4 และ สจ.5 ปลูกในแหล่งและฤดูที่มีโรคนี้ระบาดมาก ถั่วเหลืองทั้ง 3 พันธุ์ดังกล่าวมีความทนทานต่อโรคราสนิมดีกว่าพันธุ์แนะนำอื่น ๆ
2. หลีกเลี่ยงการปลูกถั่วเหลืองปลายฤดูฝน
3. ไม่ควรปลูกถั่วเหลืองช้ำในที่เดิมตลอดปี
4. ในช่วงระยะออกดอกและเริ่มมีฝักเล็ก ควรหมั่นตรวจแปลง หากพบถั่วเหลืองแสดง อาการของโรคราสนิม และสภาพอากาศชื้น อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ อาจใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดเชื้อราฉีดพ่น ได้แก่ mancozeb, oxycarboxin, piperazin และ triadimefon
นอกจากนี้ควรหมั่นสำรวจติดตามสถานการณ์โรค ในระยะถั่วเหลืองออกดอก-ฝักอ่อน โดยเฉพาะเมื่อปลูกถั่วเหลืองพันธุ์นครสวรรค์ 1, สุโขทัย 2, สจ. 1 และ สจ.2 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่อ่อนแอต่อโรคนี้ และเมื่อสภาพอากาศค่อนข้างเย็น และความชื้นในอากาศสูง หากพบถั่วเหลืองแสดงอาการของโรคที่บริเวณใบ ส่วนบนของลำต้นโดยมองเห็นอาการไม่ชัดเจน ตัดสินใจพ่นสารเคมี แมนโคเซ็บ 80% อัตรา 30-40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไตรอะไดมีฟอน 25% อัตรา 10 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หากจำเป็นต้องฉีดพ่นหลายครั้ง ให้ใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิดนี้สลับกัน
ประเด็นคำถามเพื่อนำไปสู่การอภิปรายในห้องเรียน
1. ทำไมจึงต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
2. การกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีชีวภาพมีวิธีใดบ้าง
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนศึกษาสำรวจโรคพืช ที่ที่อยู่ในท้องถิ่นบ้านนักเรียน ว่าโรคพืชชนิดใดบ้างที่สร้างความเสียหายแก่พืชที่ปลูก
การบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ
สามารถบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับเรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
ที่มาของข้อมูล
https://agriqua.doae.go.th/plantclinic/clinic/plant/bean/dbean2_7.htm
https://www.doae.go.th/pest/filcrop/soybean/sopha.htm
https://ait.nisit.kps.ku.ac.th/dbfieldcrop/disease/peanut/rust.htm
https://www.pantown.com/board.php?id=24479&area=3&name=board3&topic=2&action=view
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1181