“กระเทียม” สมุนไพรมหัศจรรย์!!
สร้างเสริมสุขภาพเพื่อการป้องกันโรค ตอนที่ 4
“กระเทียม” สมุนไพรมหัศจรรย์!!
https://www.thaikacha.dk/UserFiles/Image/Garlic.jpg
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ระบุว่า
กระเทียม (garlic) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Allium sativum Linn.
https://learners.in.th/file/chaochaout/p5212986n1.jpg
กระเทียมมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นว่า หอมเทียม (ภาคเหนือ)
เทียม , หัวเทียม (ภาคใต้)
กระเทียมขาว , หอมขาว (อุดรธานี)
ปะเซว้า (กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
กระเทียม (ภาคกลาง)
กระเทียมจัดเป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินเรียกว่า หัว
ลำต้นสูงประมาณ 30-45 เซนติเมตร หัวกระเทียมประกอบด้วยกลีบหลายกลีบรวมกัน
โดยมีเปลือกหุ้มหลายชั้นสีขาวหรือขาวอมม่วง เนื้อกระเทียมจะมีสีขาว ใบจะมีสีเขียว
ใบหนายาวแบน ปลายใบแหลม โคนใบแผ่เป็นแผ่นแบน ดอกออกเป็นช่อรวมกันเป็นกระจุก
ที่ปลายก้านช่อ ก้านช่อยาว กลีบดอกมี 6 กลีบ สีขาวหรือขาวอมชมพู
สำหรับกระเทียมโทนจะแตกต่างจากกระเทียมธรรมดาตรงที่ภายในหัวมีเพียงกลีบเดียว
และหัวค่อนข้างกลม มีกลิ่นฉุน ขยายพันธุ์โดยใช้หัวฝังในดิน ควรเป็นดินร่วนซุยและอากาศเย็น
จึงปลูกได้ดีในภาคเหนือ
ส่วนที่ใช้เป็นยาคือหัวกระเทียมที่มีอายุตั้งแต่ 100 วันขึ้นไป โดยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า
ภายในหัวกระเทียม ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยประมาณ 0.01-0.36 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งในน้ำมันหอมระเหยนี้จะประกอบด้วยสารอัลลิซิน อัลลิลโพรพิลไดซัลไฟด์ และ
ไดอัลลิลไตรซัลไฟด์ เป็นสารหลัก นอกจากนี้ยังมีสารประกอบของกำมะถันและสารอีกหลายชนิด
และสารที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งสำคัญมากคือ อัลลิอิน ซึ่งเมื่อกระเทียมถูกทุบหรือบด
จะมีเอนไซม์อัลลิเนส ซึ่งจะเปลี่ยนสารจากอัลลิอินเป็นอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารที่กล่าวไว้ข้างต้น
และเป็นสารที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่น สารสำคัญเหล่านี้จะเสื่อมสลายได้ถ้าถูกความร้อน
ดังนั้นถ้าจะใช้กระเทียมเพื่อการรักษาควรใช้กระเทียมสด
แทบทุกครัวเรือนรู้วิธีการเจียวกระเทียมในน้ำมันให้หอมก่อน แล้วจึงใส่เนื้อสัตว์หรือผัก
เป็นวิธีดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์และเพิ่มรสชาติให้กับอาหารประเภทผัดชนิดต่างๆ ได้อย่างดี
ภาพกุ้งนึ่ง https://guide.kapook.com/tour/s010_files/m3.jpg
ทั้งยังใช้กระเทียมเจียวโรยหน้าอาหารอีกหลายอย่าง หรือใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ในเครื่องแกงชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเป็นตัวช่วยแต่งกลิ่นและรสร่วมกับมะนาวในน้ำพริกกะปิ
แม้แต่พริกน้ำปลาหรือน้ำจิ้มรสแซบก็จะลืมกระเทียมไปไม่ได้ นอกจากนี้ใบและหัวกระเทียมสดๆ
ยังเป็นผัก รวมถึงกระเทียมดองของอร่อย
กระเทียมยังเป็นสมุนไพรแก้ไขบรรเทาปัญหาสุขภาพของชาวบ้านมาโดยตลอด
หมอพื้นบ้านไทยใช้กระเทียมสดรักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อน โรคบิด ป่วง แก้ไอ และกระจายโลหิต
กระทั่งเป็นที่สรุปได้ว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเด่น 2 ประการ คือ
ใช้ทารักษาโรคผิวหนัง และรับประทานแก้โรคความดันโลหิตสูง
การศึกษาทดลองคุณสมบัติทางเภสัชวิทยาในระยะหลัง พบว่า
กระเทียมมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกหลายอย่าง แต่การนำมาใช้ประโยชน์ให้ได้ผลอย่างจริงจัง
ยังจะต้องมีการศึกษาผลทางคลินิกวิทยาให้ถ่องแท้เสียก่อน
โดยสรรพคุณต่างๆ ของกระเทียม มีดังนี้
1. ฆ่าเชื้อรา คือ กลาก เกลื้อน และเชื้อราที่เกิดตามเล็บ หนังศีรษะและผม
2. ฆ่าเชื้อยีสต์ชนิดที่ทำให้เกิดลิ้นขาวเป็นฝ้าในเด็กทารก
และทำให้เกิดโรคมุตกิดระดูขาวที่มักจะเกิดในหญิงที่ตั้งครรภ์
หรือกินยาคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานานๆ
3. ลดความดันโลหิตสูง
4. ลดไขมันและคอเลสเตอรอล
5. ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
6. ลดน้ำตาลในเลือด
7. ฆ่าหรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียแทบทุกชนิด กล่าวคือ มีสารอัลลิซิน
ที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่มักทำให้เกิดโรคได้ถึง 15 ชนิด
โดยเฉพาะยับยั้งเชื้อพวกที่ดื้อยาเพนนิซิลินได้ดีกว่าเชื้อพวกที่ไม่ดื้อยาอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังฆ่าเชื้อบิดมีตัวที่มีพิษต่อลำไส้ได้ดี โดยมีสารที่สำคัญคือกาลิซิน
รวมทั้งสามารถยับยั้งเชื้อบิดเทียม ซึ่งไม่รบกวนแบคทีเรียตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อลำไส้
8. ยับยั้งเชื้อต่างๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง และใช้รักษาแผลสด แผลที่เป็นหนอง
คออักเสบ ทอนซิลอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ เชื้อวัณโรค และเชื้อปอดบวม
9. รักษาไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
10. เป็นยาขับเสมหะและมีฤทธิ์ขับเหงื่อและขับปัสสาวะ
11. รักษาโรคไอกรน
12. แก้หืดและโรคหลอดลม
13. แก้ธาตุพิการอาหารไม่ย่อย
14. ควบคุมโรคกระเพาะ คือมีสารเอเอส 1 ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
และยังช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้ด้วย
15. ขับพยาธิต่างๆ ได้หลายชนิด ได้แก่ พยาธิเข็มหมุด พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย และมีรายงาน
ทดสอบจากอินเดียว่า กระเทียมมีสารไดอัลลิลไดซัลไฟด์ มีฤทธิ์ใช้ฆ่าพยาธิไส้เดือนได้ดี
16. แก้เคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารอัลลิซินเป็นตัวช่วยทำให้เลือดไหลเวียนมายัง
บริเวณที่ทาถูนวดยาได้ดีมากขึ้น
17. แก้ปวดข้อและปวดเมื่อย
18. ต่อต้านเนื้องอก
19. กำจัดพิษตะกั่ว
20. บำรุงร่างกาย ประเทศญี่ปุ่นได้ค้นพบสารในกระเทียมชื่อสคอร์ดินิน ไม่มีกลิ่น แต่มีประโยชน์
ต่อร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งช่วยให้เนื้อเยื่อเจริญเติบโตและช่วยลดไขมันในร่างกาย
ยังมีผู้พบว่าในกระเทียมมีธาตุเจอร์เมเนียมค่อนข้างสูง ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดมะเร็ง
โรคหืด โรคไต โรคตับอ่อนและอาการท้องผูก รวมถึงมีสารชักนำวิตามินบี 1 เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเท่าตัว
โดยรวมเป็นสารอัลลิลไทอะมิน ทำให้วิตามินบี 1 ออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นถึง 20 เท่า
เนื้อหานี้เหมาะสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ระดับช่วงชั้นที่ 3 และ 4
สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค
มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคุณค่าและมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพ การดำรงสุขภาพ การป้องกันโรค
และการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ
ประเด็นคำถาม
1. โรคไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดอยู่ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาอย่างไร
2. กระเทียมสามารถใช้ป้องกันหรือรักษาโรคอะไรได้บ้าง
3. กระเทียมมีวิธีใช้อย่างไร
กิจกรรมเสนอแนะ
1. สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากเครือข่ายอินเตอร์เนต
2. ค้นคว้า อภิปราย และนำเสนอ
3. ให้ทำโครงงานเกี่ยวกับเรื่อง การสร้างเสริมสุขภาพและ
การป้องกันโรคด้วยภูมิปัญญาไทย
การบูรณาการ
สามารถบูรณาการได้กับ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ศัพท์ภาษาอังกฤษ )
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี (โภชนาการ)
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.thaihealth.or.th/node/9547
https://bbznet.pukpik.com/scripts2/view.php?user=healthy&board=9&id=10&c=1&order=numtopic
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1433