Generation X, Gen X หรือเรียกเต็มคำในภาษาอังกฤษว่า Extraordinary Generation เป็นช่วงอายุของประชากรกลุ่มหนึ่งในสังคมปัจจุบันที่เกิดในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2508-2519 (ค.ศ. 1965-1976) อายุระหว่าง 29 – 43 ปี (นิเวศน์ ธรรมะ, 2553 : ออนไลน์) บางตำราอาจจะกำหนดช่วงอายุของ Gen-X ไว้ต่ำถึงผู้ที่มีอายุ 26 ปี ในปี พ.ศ. 2553 คาดว่ามีประชากรไทยอยู่ในกลุ่มอายุ Gen X ประมาณ 16 – 17 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 11 % ของประชากรทั้งหมด (NationalMaster, 2553 : ออนไลน์) คนกลุ่ม Gen X เรียกอีกอย่างว่า Baby Bust (ตรงข้ามกับ Baby Boom) หรือ พวกยัปปี้ – Yuppie (Young Urban Professionals) (somporn, 2553 : ออนไลน์)
Gen X คือประชากรกลุ่มที่เกิดหลัง Baby Boomer Generation หรือ Generation B, Gen B และนับเป็นผู้บริโภคที่มีขนาดเล็กกว่าหากเทียบกับ Gen B ทั้งนี้เพราะหลังจากกระแส Baby Boomer หมดลง ทุกๆ ครอบครัวในช่วงเวลาก่อนหน้าที่ต่างก็มีลูกหลานจำนวนมากได้หันมาควบคุมการเกิดของประชากรแทนการให้กำเนิดประชากรจำนวนมาก
กลุ่มวัย Gen X เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงที่อัตราการเกิดของเด็กเริ่มลดลง ประชากรกลุ่มนี้จึงเกิดและเติบโตขึ้นมาในยุคที่ผ่านช่วงความลำบากมาแล้ว มีการต่อสู้ดิ้นรนที่น้อยกว่า เพราะเป็นคนในรุ่นลูกและหลานของ Gen B และเนื่องจากสภาพโดยรวมของเศรษฐกิจดีกว่ายุคที่ Gen B เกิด สภาวะของสังคมเริ่มคงที่และอยู่ในยุคของการแสวงหาอิสรภาพทางความคิดและการดำเนินชีวิตแนวใหม่ กลุ่มคนเหล่านี้จึงมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีอิสระทางความคิด มีการศึกษาที่ดีกว่าคนในยุคก่อน ดังนั้นในปัจจุบันขณะที่คนกลุ่ม Gen B ได้กลายเป็นคนรุ่นปู่ยาตายาย คนในกลุ่ม Gen X ก็ได้ย่างเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว (นิเวศน์ ธรรมะ, 2553 : ออนไลน์)
การอยู่ในวัยทำงานทำให้ Gen X สามารถเลือกงานได้มากกว่า สามารถตั้งเงื่อนไขให้แก่ตนเองได้ว่าต้องการทำงานแบบไหน เมื่อไร และอย่างไร จึงแตกต่างกันมากกับกลุ่ม Gen B ที่ทำงานด้วยความอดทนดิ้นรน ใช้แรงงานหนัก มีรายได้ต่ำ และมักจะทำงานคนเดียวในทุกกระบวนการ ในขณะที่ Gen X ทำงานในลักษณะใช้ความคิด สามีและภรรยาต่างทำงานทั้งสองคน จึงรายได้ดีทั้งคู่ ใช้ชีวิตแบบคนทันสมัย และหลายๆ คนเป็นหัวหน้างานของคนกลุ่ม Gen B ที่อายุมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า แต่มีระดับการศึกษาต่ำกว่า สภาพความเป็นอยู่แลการดำเนินชีวิตของ Gen X เมื่อเปรียบกับ Gen B ในขณะที่มีอายุเท่ากันจึงต่างกันมาก (Dherapol, 2550 : ออนไลน์)
คนในวัย Gen X มีลักษณะพฤติกรรมชอบความเรียบง่ายและไม่เป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างและตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง จัดเป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจและความทะเยอทะยานเพราะเกิดมาในยุคที่การแข่งขันทางความคิดสูง แต่ด้วยเอกลักษณ์ประจำรุ่นวัยที่คนรุ่นนี้รักอิสระคนวัย Gen X จึงสามารถจัดสรรเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้ได้คล่องตัว และมีแนวคิดเรื่องการยืดชีวิตโสดและเลื่อนเวลาการแต่งงานออกไปมากขึ้น (ทิพวัลย์ สินนิธิถาวร, 2553 : ออนไลน์)
จากผลการสำรวจในต่างประเทศ พบว่า กลุ่ม Gen X มีพฤติกรรมของการเปลี่ยนงานทำใหม่โดยเฉลี่ย ทุกๆ 11 ปี และเหตุผลหลักของการย้ายงานคือ ต้องการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศการทำงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาด้านสมอง ได้สื่อสารกับผู้คนกลุ่มใหม่ๆ รวมทั้งได้ทำงานกับเจ้านายคนใหม่ ค่านิยมในการแสวงหาความแปลกใหม่และความเปลี่ยนแปลงทำให้กลุ่ม Gen X จำนวนไม่น้อย หันมาประกอบอาชีพอิสระที่เป็นนายของตัวเอง แทนที่จะทำงานในบริษัทใดบริษัทหนึ่งติดต่อกันยาวนาน 20-30 ปี
สิ่งที่เกิดขึ้นชี้ว่า คนกลุ่ม Gen X ไม่ต้องการเจริญรอยตามกลุ่ม Gen B ที่เป็นพ่อแม่ของตน ไม่อยากฟาดฟันหรือทะเยอทะยาน ปากกัดตีนถีบ เพียงเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างเดียว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า กลุ่ม Gen X เกลียดหรือดูถูกคุณค่าของการทำงานหนัก การเสียสละเพื่อครอบครัว และความจงรักภักดีเช่นในกลุ่ม Gen B หากแต่เป็นเพราะ Gen X มีความเชื่อว่าตนเองมีความสามารถด้านอื่นที่ทำได้ดีกว่ารุ่นพ่อแม่ของตน (ผู้จัดการรายสัปดาห์, 2549 : ออนไลน์)
ในด้านของผลตอบแทน คนวัย Gen X จะมีประสบการณ์การทำงานสูง ดังนั้นเมื่อปรับเปลี่ยนงานจึงพร้อมที่จะเรียกร้องและเจรจาต่อรองด้านผลตอบแทนที่คุ้มค่า หรือแม้กระทั่งในที่ทำงานเดิม คนวัย Gen X จะรู้ว่าตนเองมีคุณค่าหรือความสำคัญอย่างไรต่อองค์กร และสามารถดำเนินการต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า สำหรับคน Gen X นอกเหนือจากผลตอบแทนแล้ว สิ่งอื่นๆ ที่จะจูงใจคน Gen X ได้ก็จะเป็นตำแหน่งงานที่น่าสนใจหรือเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น
ในการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั้น Gen X จะเปิดรับต่อทางเลือกหลายๆ ทาง คนกลุ่ม Gen X ไม่ชอบการสื่อสารอย่างเป็นทางการมากนัก มักชอบการประชุมในกลุ่มเล็ก และนอกสถานที่ รวมทั้งมักจะสื่อสารทาง E-mail มากกว่าสื่อสารผ่านกระดาษ (บุญชัย พงศ์รุ่งทรัพย์, 2552 : ออนไลน์) การทำงานหรือการประชุมจะเน้นการประชุมที่เห็นหน้ากัน โดยคนวัย Gen X นั้นเปิดรับต่อทั้งการประชุมหรือทำงานทางไกลผ่านสื่อต่าง ๆ แต่ถ้าจำเป็นต้องนั่งประชุมด้วยกันนั้นก็จะเน้นการประชุมในกลุ่มขนาดเล็กและมีประสิทธิภาพ โดยคน Gen X จะไม่ชอบการประชุมที่ยาวนาว (พสุ เดชะรินทร์, 2551 : ออนไลน์) พวกเขาจะชอบการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมีการแลกเปลี่ยนความรู้และวิธีการกับบุคคลอื่นๆ ไม่ใช่เรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว โดยจะต้องมีการออกไปดูงานนอกสถานที่ มีการทำสถานการณ์จำลอง และบทบาทสมมติ เพื่อให้สามารถเข้าใจเนื้อหาและฝึกปฏิบัติได้ในเวลาเดียวกัน
ที่มา https://www.sara-dd.com/index.php?option=com_content&view=article&id=230:extraordinary-generation-generation-x-gen-b&catid=25:the-project&Itemid=72