นับจากย่างเข้าศักราชใหม่ 2553 ปีเสือดุภาพรวมของเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวได้แล้วอย่างชัดเจน หลายตัวชี้วัดมีสัญญาณสดใส รวมทั้ง IMFออกมาประเมินว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.9% ขณะที่ประเทศไทยจะขยายตัวได้ 4.7% สำหรับภาคอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ประเมินอัตราการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมปีนี้ว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) จะขยายตัวระหว่าง 6-8% นับเป็นสัญญาณที่ดีเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหรียญมีสองด้านการประเมินสถานการณ์ต้องมองแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดบ้างเป็นธรรมดา สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สศอ.จึงได้ออกบทวิเคราะห์เรื่อง “ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2553 : ผลกระทบต่อมูลค่าการผลิต การจ้างงาน กำไรธุรกิจและรายได้ของปัจจัยการผลิต” เพื่อเจาะลึกถึงทิศทางการขยายตัวครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อภาคอุตสาหกรรมและเพื่อศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมว่าส่งผลกระทบอย่างไร มูลค่าผลผลิตในแต่ละสินค้า รวมถึงความสามารถในการจ้างงาน ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ มูลค่าของปัจจัยการผลิต และรายได้ของภาครัฐ
โดยในการศึกษาได้แบ่งสมมติฐานออกเป็น 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในปี 2553 ขยายตัว 6% จากปี 2552
กรณีที่ 2 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในปี 2553 ขยายตัว 7% จากปี 2552
กรณีที่ 3 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในปี 2553 ขยายตัว 8% จากปี 2552
ซึ่งจากสมมติฐานที่ตั้งไว้ข้างต้น ผลการศึกษาที่ได้มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. การเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อมูลค่าผลผลิต
ผลการศึกษาในส่วนนี้เป็นการแสดงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อมูลค่าผลผลิต โดยจากการศึกษาพบว่าถ้าMPI ในปี 2553 ขยายตัวระหว่าง 6-8% จากปี 2552 จะส่งผลให้มูลค่าผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 322,866 - 430,488 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วง 3.9% - 5.2% ดังแสดงในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อมูลค่าผลผลิต
กิจกรรม | มูลค่าผลผลิตที่เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท) | อัตราการขยายตัว (%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
มูลค่าผลผลิตอุตสาหกรรม | 322,866 | 376,677 | 430,488 | 3.9 | 4.5 | 5.2 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เมื่อพิจารณาผลจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI เป็นรายสาขา พบว่า สาขาที่มีมูลค่าผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม รองลงมาคือการผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบ และการผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ ตามลำดับ โดยมีมูลค่าผลผลิต 21,335 - 28,447 ล้านบาท, 19,785 - 26,379 ล้านบาท และ 17,082 - 22,776 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วง 3.4-4.5%, 5.1-6.9% และ 3.9-5.2% ตามลำดับ ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 ผลกระทบต่อมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด และน้อยที่สุด 3 อันดับแรก
กิจกรรม | มูลค่าผลผลิตที่เปลี่ยนแปลง(ล้านบาท) | อัตราการขยายตัว(%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
มูลค่าผลผลิตเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับ | ||||||
การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม | 21,335 | 24,891 | 28,447 | 3.4 | 3.9 | 4.5 |
การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ | 19,785 | 23,082 | 26,379 | 5.1 | 6.0 | 6.9 |
การผลิตเครื่องจักรสำนักงาน เครื่องทำบัญชีและเครื่องคำนวณ | 17,082 | 19,929 | 22,776 | 3.9 | 4.5 | 5.2 |
มูลค่าผลผลิตเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด 3 อันดับ | ||||||
การผลิตหัวรถจักรของรถไฟและรถราง และรถที่เดินบนราง | 22 | 25 | 29 | 1.6 | 1.9 | 2.1 |
การผลิตผลิตภัณฑ์จากดินชนิดไม่ทนไฟ ซึ่งใช้กับงานก่อสร้าง | 25 | 30 | 34 | 0.1 | 0.1 | 0.2 |
การผลิตผลิตภัณฑ์จากคอนกรีต | 63 | 74 | 84 | 0.2 | 0.2 | 0.3 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
2. การเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อความสามารถในการจ้างงาน
ส่วนผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อความสามารถในการจ้างงานนั้น จากการศึกษาพบว่าถ้า MPI ในปี 2553ขยายตัวระหว่าง 6-8% จากปี 2552 จะส่งผลให้ความสามารถในการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป 142,000 - 190,000 คน หรือมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วง 2.6% – 3.4% ดังแสดงในตารางที่ 3
ตารางที่ 3 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อความสามารถในการจ้างงาน
กิจกรรม | ความสามารถในการจ้างงาน (คน) | อัตราการขยายตัว (%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
ความสามารถในการจ้างงานภาคอุตสาหกรรม | 142,000 | 166,000 | 190,000 | 2.6 | 3.0 | 3.4 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เมื่อพิจารณาผลจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI เป็นรายสาขา พบว่า สาขาที่มีผลทำให้ความสามารถในการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคือ การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ และการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามลำดับ โดยมีความสามารถในการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ12,570 - 16,760 คน 10,570 - 14,100 คน และ 8,900 – 11,860 คน ตามลำดับ และมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วง 3.8-5.0 %, 2.0-2.7%และ 2.6-3.5% ตามลำดับดังตารางที่ 4
ตารางที่ 4 ผลกระทบต่อความสามารถในการจ้างงานของอุตสาหกรรมสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด และน้อยที่สุด 3 อันดับแรก
กิจกรรม | ความสามารถในการจ้างงาน(คน) | อัตราการขยายตัว(%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
ความสามารถในการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับ | ||||||
การผลิตหลอดอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ | 12,570 | 14,670 | 16,760 | 3.8 | 4.38 | 5.0 |
การผลิตเครื่องแต่งกาย ยกเว้นเครื่องแต่งกายที่ทำจากขนสัตว์ | 10,570 | 12,340 | 14,100 | 2.0 | 2.39 | 2.7 |
การผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะประดิษฐ์ ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์ | 8,900 | 10,380 | 11,860 | 2.6 | 3.02 | 3.4 |
ความสามารถในการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด 3 อันดับ | ||||||
กิจกรรม | ความสามารถในการจ้างงาน(คน) | อัตราการขยายตัว(%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
การผลิตผลิตภัณฑ์จากดินชนิดไม่ทนไฟ ซึ่งใช้กับงานก่อสร้าง | 0.02 | 0.03 | 0.03 | 0.1 | 0.09 | 0.1 |
การผลิตอากาศยานและยานอวกาศ | 0.03 | 0.03 | 0.04 | 2.7 | 3.05 | 3.4 |
การผลิตมอลต์ลิกเคอและมอลต์ | 0.07 | 0.08 | 0.09 | 1.9 | 2.25 | 2.5 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
3. การเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจพบว่า ถ้า MPI ในปี 2553 ขยายตัวระหว่าง6-8% จากปี 2552 จะส่งผลให้มูลค่ากำไรธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป 47,542 - 63,390 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวระหว่าง 6.8 – 9.0% ดังแสดงในตารางที่ 5
ตารางที่ 5 ผลกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อมูลค่ากำไรธุรกิจ
กิจกรรม | มูลค่ากำไรธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท) | อัตราการขยายตัว (%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่1 | กรณีที่2 | กรณีที่3 | |
มูลค่ากำไรธุรกิจภาคอุตสาหกรรม | 47,542 | 55,466 | 63,390 | 6.8 | 7.9 | 9.0 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
4. การเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของปัจจัยการผลิต
ผลการศึกษาในส่วนนี้เป็นการแสดงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของปัจจัยการผลิต จากการศึกษาพบว่า ถ้า MPI ในปี 2553 ขยายตัวระหว่าง 6-8% จากปี 2552 จะส่งผลให้รายได้ของแรงงานเปลี่ยนแปลงไป 35,462 - 47,283 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วง 1.7 – 2.3% และรายได้
ของทุน จะอยู่ที่ช่วง 88,123 - 117,497 ล้านบาท หรือส่งผลให้การอัตราการขยายตัวอยู่ที่ประมาณ 2.1 – 2.7 % ดังแสดงในตารางที่6
ตารางที่ 6 ผลกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของปัจจัยการผลิต
กิจกรรม | มูลค่าผลผลิตที่เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท) | อัตราการขยายตัว (%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | |
รายได้ของแรงงาน | 35,462 | 41,373 | 47,283 | 1.7 | 2.0 | 2.3 |
รายได้ของทุน | 88,123 | 102,810 | 117,497 | 2.1 | 2.4 | 2.7 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
5. การเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของรัฐ
ส่วนนี้เป็นการแสดงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของรัฐบาลจากการศึกษาพบว่า ถ้า MPI ในปี 2553ขยายตัวระหว่าง 6-8% จากปี 2552 จะส่งผลให้รายได้ของรัฐเพิ่มขึ้น 24,054 ถึง 32,072 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวอยู่ในช่วงระหว่าง1.5 – 2.1% ดังแสดงในตารางที่ 7
ตารางที่ 7 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของ MPI ที่ส่งผลต่อรายได้ของรัฐ
กิจกรรม | มูลค่าผลผลิตที่เปลี่ยนแปลง (ล้านบาท) | อัตราการขยายตัว (%) | ||||
กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | กรณีที่ 1 | กรณีที่ 2 | กรณีที่ 3 | |
รายได้ของภาครัฐ | 24,054 | 28,063 | 32,072 | 1.5 | 1.8 | 2.1 |
ที่มา : สำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
จากบทวิเคราะห์เรื่อง “ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2553: ผลกระทบต่อมูลค่าการผลิต การจ้างงาน กำไรธุรกิจ และรายได้ของรัฐ” คงทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ว่าในปีเสือดุ ภาพรวมของภาคอุตสาหกรรมจะก้าวไปในทิศทางใด แนวโน้มการขยายตัวจะไปต่อหรือว่าอยู่แบบเสมอตัว ย่อมขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่ายที่ต้องช่วยกันยับยั้งปัจจัยลบที่จะมากระทบบรรยากาศของการขยายตัวครั้งนี้ ภาคเอกชนเองเมื่อเห็นทิศทางก้าวไปก็ต้องหันมามองการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีคุณภาพอย่าได้เกิดภาพซ้ำอดีต
ที่มา https://guru.thaibizcenter.com/articledetail.asp?kid=5014