รวมคำถามเกี่ยวกับระบบสุริยะ และดาราศาสตร์
ประวัติดาวเคราะห์
ประวัติระบบสุริยะจักรวาล
ระบบสุริยะ ประกอบ ด้วยดวงอาทิตย์และวัตถุอื่นๆ ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ เช่น ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และดาวบริวาร โลกเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3 โดยทั่วไป ถ้าให้ถูกต้องที่สุดควรเรียกว่า ระบบดาวเคราะห์ เมื่อกล่าวถึงระบบที่มีวัตถุต่างๆ โคจรรอบดาวฤกษ์
ระบบสุริยะ คือระบบดาวที่มีดาวฤกษ์เป็นศูนย์กลาง และมีดาวเคราะห์ (Planet) เป็น บริวารโคจรอยู่โดยรอบ เมื่อสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตก็จะเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เหล่านั้น หรือ บริวารของดาวเคราะห์เองที่เรียกว่าดวงจันทร์ (Satellite) นัก ดาราศาสตร์เชื่อว่า ในบรรดาดาวฤกษ์ทั้งหมดกว่าแสนล้านดวงในกาแลกซี่ทางช้างเผือก ต้องมีระบบสุริยะที่เอื้ออำนวยชีวิตอย่าง ระบบสุริยะที่โลกของเราเป็นบริวารอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าระยะทางไกลมากเกินกว่าความสามารถในการติดต่อจะทำได้ถึงที่โลกของ เราอยู่เป็นระบบที่ประกอบด้วย ดวงอาทิตย์ (The sun) เป็นศูนย์กลาง มีดาวเคราะห์ (Planets) 9 ดวง ที่เราเรียกกันว่า ดาวนพเคราะห์ ( นพ แปลว่า เก้า) เรียงตามลำดับ จากในสุดคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ( ตอนนี้ไม่มีพลูโตแร้ว เหลือแค่ 8 ดวง )
และยังมีดวงจันทร์บริวารของ ดวงเคราะห์แต่ละดวง (Moon of sattelites) ยกเว้นเพียง สองดวงคือ ดาวพุธ และ ดาวศุกร์ ที่ไม่มีบริวาร ดาวเคราะห์น้อย (Minor planets) ดาวหาง (Comets) อุกกาบาต (Meteorites) ตลอด จนกลุ่มฝุ่นและก๊าซ ซึ่งเคลื่อนที่อยู่ในวงโคจร ภายใต้อิทธิพลแรงดึงดูด จากดวงอาทิตย์ ขนาดของระบบสุริยะ กว้างใหญ่ไพศาลมาก เมื่อเทียบระยะทาง ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1au.(astronomy unit) หน่วย ดาราศาสตร์ กล่าวคือ ระบบสุริยะมีระยะทางไกลไปจนถึงวงโคจร ของดาวพลูโต ดาว เคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด ในระบบสุริยะ ซึ่งอยู่ไกล เป็นระยะทาง 40 เท่าของ 1 หน่วยดาราศาสตร์ และยังไกลห่างออก ไปอีกจนถึงดงดาวหางอ๊อต (Oort's Cloud) ซึ่งอาจอยู่ไกลถึง 500,000 เท่า ของระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ด้วย ดวงอาทิตย์มีมวล มากกว่าร้อยละ 99 ของ มวลทั้งหมดในระบบสุริยะ ที่เหลือ
นอก นั้นจะเป็นมวลของ เทหวัตถุต่างๆ ซึ่ง ประกอบด้วยดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง และอุกกาบาต รวมไปถึงฝุ่นและก๊าซ ที่ล่องลอยระหว่าง ดาวเคราะห์ แต่ละดวง โดยมีแรงดึงดูด (Gravity) เป็นแรงควบคุม ระบบสุริยะ ให้เทหวัตถุบนฟ้าทั้งหมด เคลื่อนที่เป็นไปตามกฏแรง แรงโน้มถ่วงของนิวตัน ดวงอาทิตย์แพร่พลังงาน ออกมา ด้วยอัตราประมาณ 90,000,000,000,000,000,000,000,000 แคลอรี ต่อวินาที เป็นพลังงานที่เกิดจากปฏิกริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ โดยการเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม ซึ่งเป็นแหล่งความร้อนให้กับดาว ดาวเคราะห์ต่างๆ ถึงแม้ว่าดวงอาทิตย์ จะเสียไฮโดรเจนไปถึง 4,000,000 ตัน ต่อวินาทีก็ตาม แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความเชื่อว่าดวงอาทิตย์ จะยังคงแพร่พลังงานออกมา ในอัตรา ที่เท่ากันนี้ได้อีกนานหลายพันล้านปี
ชื่อของดาวเคราะห์ทั้ง 9 ดวง ยกเว้นโลก ถูกตั้งชื่อตามเทพของชาวกรีก เพราะเชื่อว่าเทพเหล่านั้นอยู่บนสรวงสวรค์ และเคารพบูชาแต่โบราณกาล ในสมัยโบราณจะรู้จักดาวเคราะห์เพียง 5 ดวงเท่า นั้น(ไม่นับโลกของเรา) เพราะสามารถเห็นได้ ด้วยตาเปล่าคือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ประกอบกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ รวมเป็น 7 ทำให้เกิดวันทั้ง 7 ในสัปดาห์นั่นเอง และดาวทั้ง 7 นี้จึงมีอิทธิกับดวงชะตาชีวิตของคนเราตามความเชื่อถือทางโหราศาสตร์ ส่วนดาวเคราะห์อีก 3 ดวงคือ ดาวยูเรนัส ดาวเนปจูน ดาวพลูโต ถูกคนพบภายหลัง แต่นักดาราศาสตร์ก็ตั้งชื่อตามเทพของกรีก เพื่อให้สอดคล้องกันนั่นเอง
----------
ประวัติย่อของดาราศาสตร์ประวัติย่อของดาราศาสตร์ ----------- ฉายาดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ เรามีชื่อเทพของดาวแต่ละดวง 1. ดาวพุธ ( Mercury ) เป็นชื่อเทพเจ้าแห่งการสื่อสาร มีฉายาว่า เตาไฟแช่แข็ง 2. ดาวศุกร์ ( Venus ) มีฉายาว่าเทพธิดาแห่งความรักและความงาม 3. ดาวอังคสร ( Mars ) เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งสงคราม มีฉายาว่า ดาวเคราะห์สีแดง 4. ดาวพฤหัสบดี ( Jupiter ) เป็นชื่อจอมเทพหัวหน้าเทพเจ้า มีฉายาว่า โลกยักษ์ 5. ดาวเสาร์ ( Saturn ) เป็นชื่อเทพเจ้าแห่งการเกษจร 6. ดาวเนปจูน ( Neptune ) เป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งทะเล เรียกดาวสมุทร -------- าวเคราะห์ (Planets) ในระบบสุริยะทั้งหมด 9 ดวง เรียงตามลำดับ โดยมีดวงอาทิตย์ (Sun) เป็นศูนย์กลาง ดังนี้ ดาวพุธ (Mercury) ดาวศุกร์ (Venus) โลก (Earth) ดาวอังคาร (Mars) ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) ดาวเสาร์ (Saturm) ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวเนปจูน (Neptune) และดาวพลูโต (Pluto) ดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกของเราก็มีดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพลูโต ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก มีดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน มีดาวเคราะห์ 7 ดวง รวมทั้งโลกที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมีจำนวนแตกต่างกันออกไปยกเว้นดาวเคราะห์ วงใน 2 ดวงคือ ดาวพุธและดาวศุกร์ ที่ไม่มีดวงจันทร์บริวาร สำหรับมนุษย์บนโลก เรารู้จักดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวบนท้องฟ้ามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มีการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับดวงดาวและวัตถุท้องฟ้ามานานกว่า 8,000 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในสมัยบาบิโลเนีย อียิปต์โบราณ หรือกรีกโบราณก็ตาม ซึ่งในแต่ละยุคสมัยต่างก็มีข้อมูลหลักฐานยืนยันถึงความเจริญรุ่งเรืองและ ความสนใจเกี่ยวกับความรู้ทางด้านดาราศาสตร์ แตกต่างกันออกไป ได้มีการตั้งชื่อของดาวเคราะห์และให้สัญลักษณ์ของดาวเคราะห์ทุกดวงเป็นฃื่อ ของเทพเจ้า เทพธิดา หรือสิ่งที่ตนเคารพนับถือและบูชา เช่น ใช้สัญลักษณ์ของเทพอาทิตย์แทนด้วยรูปคล้ายนกอินทรี ใช้สัญลักษณ์เทพเจ้าซินแทนด้วยรูปดวงจันทร์ ใช้สัญลักษณ์รูปดาว16 แฉกแทนความหมายดาวศุกร์ หมายถึง เทพธิดาอิชทาร์ (Ishtar) เป็นเทพแห่งความรัก ความสมบูรณ์ เหล่านี้เป็นต้น การใช้สัญลักษณ์จึงปรากฎมีมาแต่โบราณกาล และให้ความหมายที่สอดคล้องกับดาวแต่ละดวง ดวงอาทิตย์ (Sun) สัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์เป็นรูปวงกลม มีจุดอยู่ที่จุดศูนย์กลาง หมายถึง จุดกำเนิดของชีวิต ดวงอาทิตย์ให้พลังงานความร้อน ให้ความอบอุ่น ให้แสงงสว่างแกมวลสรรพสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลก เป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด อยู่ห่างจากโลก 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1 หน่วยดาราศาสตร์ ดวงจันทร์ (Moon) สัญลักษณ์ของดวงจันทร์เป็นรูปจันทร์เสี้ยว ส่วนรูปหญิงสาวกำลังยิงธนูคือ เทพีแห่งการล่าสัตว์ ดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ที่สว่างมากเป็นอันดับหนึ่งในเวลากลางคืน บนดวงจันทร์ไม่มีน้ำและบรรยากาศห่อหุ้มเป็นบริวารดวงเดียวของโลกและอยู่ใกล้ โลกมากที่สุด ดาวพุธ (Mercury) สัญลักษณ์ของดาวพุธเป็นรูปงูพันไม้เท้า มีปีกดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กกว่าโลก เคลื่อนที่เร็วที่สุด จึงเปรียบเสมือนเทพเจ้าผู้ส่งข่าว อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด สามรถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บนดาวพุธไม่มีบรรยากาศ พื้นผิวเต็มไปด้วยหลุมบ่อ มีหน้าผาสูง หุบเหว และรอยแยก ดาวศุกร์ (Venus) สัญลักษณ์ของดาวศุกร์ เป็นรูปกระจกเงาที่มีมือถือ ใช้แทนสัญลักษณ์สากลของเพศหญิง ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีแสงสว่างสวยงามมาก ชาวโรมันจึงเรียกดาวดวงนี้ว่า วีนัส เป็น เทพธิดาแห่งความงาม สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีบรรยากาศหนาทึบเต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไอของกรดกำมะถน เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโลกมากที่สุด จึงได้ชื่อว่าเป็น ดาวคู่แฝดกับโลก ไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวาร โลก (Earth) สัญลักษณ์ของโลกเป็นรูปวงกลมรอบกากบาทซึ่งหมายถึงเส้นศูนย์สูตร และส้นลองจิจูดของโลก โลกเป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวง และพื้นผิวส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำ โลกจึงได้ชื่อว่าเป็น ดาวเคราะห์แห่งพื้นน้ำ ดาวอังคาร (Mars) สัญลักษณ์ของดาวอังคารเป็นรูปโล่และหอก ใช้แทนสัญลักษณ์สากลของเพศชาย เป็นดาวเคราะห์สีแดง ได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งสงคราม เพราะปรากฏเป็นสีแดงในท้องฟ้า อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 4 มีบรรยากาศเบาบาง ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พื้นผิวมีแต่รอยแยก หลุมบ่อ และภูเขาไฟอยู่ทั่วไปไม่มีสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 2 ดวง ชื่อ โฟบอส และ ไดมอส ดาวพฤหัสบดี (Jupiter) สัญลักษณ์ของดาวพฤหัสบดีเป็นรูปสายฟ้าแลบ เป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าโลกประมาณ 12 เทา อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 บรรยากาศส่วนใหญ่เป็นก๊าซไฮโดรเจน ไม่มีก๊าซออกซิเจน มีจุดแดงใหญ่และแถบสีคล้ำพาดผ่านขวางตัวดวงเป็นลักษณะเด่นมีดวงจันทร์เป็น บริวาร 16 ดวง ที่มีขนาดใหญ่ 4 ดวงเห็นชัดเจน ซึ่งกาลิเลโอเป็นผู้ส่องกล้องค้นพบเรียกว่า ดวงจันทร์กาลิเลียน ได้แก่ ไอโอ ยุโรปา แกนิมีด และ คัลลิสโต สำหรับ ดวงจันทร์แนนิมีด (Ganymede) เป็นดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 5,260 กิโลเมตร ดาวเสาร์ (Saturn) สัญลักษณ์ดาวเสาร์เป็นรูปเคียว เพราะดาวเสาร์เป็น เทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มีสีเหลืองอ่อน เมื่อดูด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นวงแหวนล้อมรอบสวยงาม 7 ชั้น เป็นดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมากถึง 18 ดวง ดวงจันทร์ดวงใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ชื่อว่า ไททัน (Titan) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองในระบบสุริยะรองจากดวงจันทร์แกนิมีด (Gany-made)ของดาวพฤหัส ดาวยูเรนัส (Uranus) สัญลักษณ์ดาวยูเรนัสแทนสวรรค์ เพราะยูเรนัสเป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า ของกรีก เป็นดาวเคราะห์ที่ วิลเลียม เฮอร์เชล ค้นพบโดยอาศัยกล้องโทรทรรศน์ส่องค้นพบปี พ.ศ. 2324 มีองค์ประกอบคล้ายดาวพฤหัสบดี คือ ประกอบด้วยก๊าซไฮโดรเจนและฮีเลียม ดาวยูเรนัสมีสีฟ้าเขียว มีดวงจันทร์เป็นบริวาร 15 ดวง ชื่อไทยของดาวยูเรนัสคือ ดาวมฤตยู ดาวเนปจูน (Neptune) สัญลักษณ์ดาวเนปจูนเป็นรูปตรีศร หรือสามง่าม เนปจูนเป็น เทพเจ้าแห่งทะเล ของโรมัน มีสามง่ามเป็นอาวุธ เป็นดาวเคราะห์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ส่องกล้องโทรทรรศน์ค้นพบโอย จอห์น คูช อะดัมส์ ชาวอังกฤษ และ เลอแวร์รีเย ชาวฝรั่งเศส บรรยากาศบนดาวเนปจูนเต็มไปด้วยก๊าซมีเทน มีจุดสีดำ มีวงแหวนล้อมรอบ 5 ชั้น และมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 8 ดวง ชื่อไทยของดาวเนปจูนคือ ดาวเกตุ ดาวพลูโต (Pluto) สัญลักษณ์ดาวพลูโตเป็นรูปตัว P และ L รวมกัน เป็นอักษรย่อของ Percival Lowell นักดาราศาสตร์สหรัฐฯ ผู้มีส่วนช่วยให้ค้นพบดาวพลูโต ผู้ส่องกล้องค้นพบโดยไคลด์ ทอมบอห์ ค้นพบที่หอดูดาวโลเวลล์ เมื่อ พ.ศ. 2473 ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่สุดในระบบสุริยะและอยู่ไกลมากเป็นอันดับ ที่ 9 จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดาวพลูโตมีดวงจันทร์เป็นบริวาร 1 ดวงเหมือนกับโลก ชื่อ ชารอน (Charon) ชื่อไทยของดาวพลูโตคือ ดาวยม |