ท่องตรัง นั่งตุ๊กตุ๊กหัวกบ ตรัง : ตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยว


1,383 ผู้ชม


ท่องตรัง นั่งตุ๊กตุ๊กหัวกบ

โครงการ“ท่องตรังนั่งตุ๊กตุ๊กหัวกบ” โดยความร่วมมือของ ททท. เทศบาลนครตรัง ชมรมสามล้อเครื่องจังหวัดตรัง และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง นำคุณท่องเที่ยวสัมผัสความเป็นตรังอย่างถ่องแท้ ด้วยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบ รถโดยสารสาธารณะที่รู้จักกันดีของชาวเมืองตรังมากว่า 50 ปี สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี

 

นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่องเที่ยว โดยรถตุ๊กตุ๊กหัวกบทุกเส้นทาง จะได้รับแจกคู่มือท่องเที่ยว “ท่องตรังนั่งตุ๊ก ตุ๊กหัวกบ” โดยภายในเล่ม มีการบรรยายเกี่ยวกับความเป็นมาของเมืองตรัง แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดให้เขตเทศบาลนครตรัง  รายชื่อที่พัก ร้านอาหารแนะนำ โปสการ์ดรูปตุ๊กตุ๊กหัวกบ พร้อมทั้งแผนที่ที่จะพาคุณท่องเที่ยวเมืองตรังอย่างสนุกสนาน ได้ทั้งความรู้และความประทับใจในคราวเดียวกัน
เส้นทางที่แนะนำมี  3 เส้นทางคือ

เส้นทางที่ 1 
อัตราเหมาบริการตลอดเส้นทาง ราคา 600 บาท  
ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แวะแหล่งท่องเที่ยว 17 จุดได้แก่
1. แม่น้ำตรังที่บ้านท่าจีน  2.วัดท่าจีน   3.ศาลเจ้ากิวอ่องเอี่ย   4.วัดตันตยาภิรม  พระอารามหลวง  5.สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95  6. โบสถ์คริสตจักร  7. อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี  (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) 8. สระกะพังสุรินทร์   9. ตึกชิโนโปรตุกีส  10. สถานีรถไฟ  11. โรงยางพารา 12. ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย  13.หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง 14. บ้านนายชวน หลีกภัย   15. หอสมุด และ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตรัง   16. วัดมัชฌิมภูมิ (วัดหน้าเขา) 17. ศาลเจ้าเปากง 

เส้นทางที่ 2
อัตราเหมาบริการ ราคา 400 บาท
ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แวะแหล่งท่องเที่ยว 9 จุดได้แก่
1. โบสถ์คริสต์จักร  2. ตึกชิโนโปรตุกีส  3. สถานีรถไฟ  4. หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง  5. บ้านนายชวน หลีกภัย  6. อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี  (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) 7.ศาลเจ้าทามกงเยี้ย  8.วัดมัชฌิมภูมิ (วัดหน้าเขา)  9. สวนสาธารณสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95

เส้นทางที่ 3
อัตราเหมาบริการ ราคา 200 บาท 
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แวะแหล่งท่องเที่ยว 5 จุดได้แก่
1. โบสถ์คริสตจักร  2. ตึกชิโนโปรตุกีส 3. สถานีรถไฟตรัง  4. หอนาฬิกา / ลานวัฒนธรรม / ศูนย์กลางจำหน่าย OTOP จังหวัดตรัง / ศาลากลางจังหวัดตรัง  5. บ้านท่านชวน หลีกภัย 

 

ติดต่อ Call Center
 

ตุ๊กตุ๊กหัวกบ
     กว่าครึ่งศตวรรษใต้ฟ้าสีคราม   เริ่มเมื่อยามดวงอาทิตย์ลิขิตเส้นขอบฟ้าในรุ่งเช้า   จวบเมื่อเข้าสู่ยามเย็นและดิ่งลงสู่ความมืดมิด  ณ  ราตรีกาล  ทุกวันของที่นี่...    ไม่มีเพลาใดที่รถสามล้อเครื่องจะลี้ลับหายไปจากท้องถนน   เนื่องด้วยวิถีชีวิตของผู้คนหลากชุมชนในทับเที่ยงหรือจังหวัดตรัง  ล้วนผูกพัน...  พึ่งพา...   และคุ้นชินกับเจ้ารถตุ๊กตุ๊กหัวกบนี้มาเนิ่นนาน
     นับตั้งแต่ราวปี  พ.ศ. 2502   ตรงกับสมัย  จอมพลสฤษฎ์  ธนะรัตน์   ดำรงตำแนห่งเป็นนายกรัฐมนตรี   เป็นยุคสมัยที่เมืองไทยได้ริเริ่มนำเข้าตุ๊กตุ๊กหัวกบจากเมืองญี่ปุ่นมาใช้เป็นคราวแรก   แต่มีหน้าตาแปลกแตกต่างจากรถตุ๊กตุ๊กในกรุงเทพฯ  ที่ทุกคนรู้จักกันพอสมควร   เนื่องจากรถตุ๊กตุ๊กกรุงเทพฯ   จะมีคันบัคับแบบก้านเป็นที่จับสองข้างเหมือนมอเตอร์ไซค์   คนขับนั่งตอนหน้า   ส่วนผู้โดยสารนั่งได้เฉพาะตอนหลังของตัวรถเท่านั้น   ผิดกับรถตุ๊กตุ๊กหัวกบของเมืองตรัง  ผู้โดยสารสามารถเลือกนั่งได้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง   อีกทั้งคันบังคับยังเป็นแบบพวงมาลัยกลมทันสมัยซึ่งเมื่อคราวที่รถตุ๊กตุ๊กหัวกบรุ่นดั้งเดิม   เดินทางด้วยรถไฟมาถึงเมืองตรังในครั้งแรก   ลักษณะตัวรถจะเป็นกระบะสามล้อขนาดเล็กที่ยังไม่มีหลังคาครอบด้านหลัง   แต่มาปรับแต่งเพ่มเติมกันเองในเวลาต่อมา   ส่วนที่ว่าทำไมเมืองตรังต้องใช้รถตุ๊กตุ๊กนั้น...   เป็นเพราะลักษณะทางภูมิสษสตร์ของพื้นที่ในเขตเมืองตรังส่วนใหญ่เป็นลอนลูกฟูก   หรือที่คนพื้นถิ่นเรยกว่า 'ควน'   แปลว่า  'เนิน'   การใช้รถสามล้อเครื่องทุ่นแรงจึงมีความเหมาะสมและอำนวยความสะดวกได้มาก   ด้วยความเร็วในการขับขี่มิได้ชักช้า   ยิ่งมาสมัยนี้มีการปรับแต่งเครื่องยนต์จากหนึ่งสูบเป็นสองสูง  เร่งดี ๆ  จึงเร็วได้ถึง  60  กม./ชม.  เลยทีเดียว
     ตามกฎหมายในปัจจุบัน   รถตุ๊กตุ๊กหัวกบคันหนึ่งได้  5  คนตามกำหนด   ส่วนค่าโดยสารนั้นก็แสนถูก  เมื่อครั้งสมัยที่ก๋วยเตี๋ยวยังชามละ  2  บาท  นั่งตลอดสายคิดราคาแค่บาทเดียว   มาสมัยนี้...   เริ่มต้นที่  15  บาทแล้วแต่ระยะทาง   ซึ่งปัจจุบันมีพร้อมให้บริการหว่า  300  คัน   ส่วนเรื่องที่ว่าทำจึงเรียก  'หัวกบ'  นั้น  น่าจะเป็นเพราะรูกปลักษณ์ของหัวรถ...   ทีมีลักษณะคล้าย 'หัวกบ'  นั่งเอง
และทั้งหมด   ก็คือที่มาของพระเอกตลอดกาลบนถนนสายทับเที่ยง   ที่นักท่องเที่ยวสามารถทดลองสมัผัสได้แม้แต่ในเวลาที่พระจันทร์ยังไม่หลับ  ตะวันยังไม่ตื่น ...   เพื่อรื้อฟื้นความหลัง   สูดกลิ่นอายของบรรยากาศเมืองตรังครั้งอดีต   บนเส้นทางท่องเที่ยวแห่งวัฒนธรรม   และวิถีชีวิตอันงดงามในแต่ละยุคสมัย   ที่ให้ทั้งความรู้...   ความสนุกสนาและความประทับใจได้ทุกเสี้ยววินาที

         - งานส่งเสริมการท่องเที่ยวเทศบาลนครตรัง อาคารเอนกประสงค์เทศบาลนครตรัง (ในเวลาราชการ) โทร 0-7521-8071 ต่อ 1164, 1209

         - ชมรมรถสามล้อเครื่องจังหวัดตรัง คุณยี่เค้ง วงศ์สัมพันธ์ โทร 0-7521-0903, 0 1090 9524

           สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง โทร 0-7521-5580
         - ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง โทร. 0 7521 5867-8

แนะนำของกินถูกปาก ของฝากถูกใจ

คนเมืองตรังขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นคนช่างกิน ดังนั้นอาหารการกินในตัวเมืองตรังจึงอุดมสมบูรณ์มาก แทบจะเรียกได้ว่าบริการกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งของกินคาวหวานอาหารว่างสารพัดอย่างตามตำรับจีน และพื้นบ้านปักษ์ใต้

เริ่มต้นจากอาหารมื้อเช้าตำรับตรัง ได้แก่ โกปี้ ทั้งโกปี้อ้อ (กาแฟดำ) และโกปี้ใส่นมข้นแล้วแต่รสนิยม กินกับแต้เตี้ยม ติ่มซำนานาชนิด ทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา ใครอยากลองปาท่องโก๋ทอดกรอบต้องสั่งว่า “จาโก้ย” เพราะคำว่า ปาท่องโก๋ ของคนตรังจะหมายถึงขนมอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้งสีขาวนึ่งฟู  ส่วนบรรดาอาหารเครื่องเคียงที่ยกมาเสริฟจนเต็มโต๊ะ จะคิดราคาเท่าที่กินเท่านั้น   หมูย่างเมืองตรังก็น่ากิน เนื้อหวานนุ่ม หอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศ หนังบางกรอบ มันน้อย เพราะอบหมูทั้งตัวในเตาถ่านด้วยอุณหภูมิสูง คนตรังนิยมหมูย่างกับกาแฟตอนเช้า

ส่วนของฝากยอดนิยม คือ ขนมเค้กเมืองตรัง มีเอกลักษณ์พิเศษคือมีรูอยู่ตรงกลาง ไม่แต่งหน้าเค้ก เนื้อเนียนละเอียด กลิ่นหอม อร่อยนุ่มลิ้น มีให้เลือกกว่า 20 รสชาติ นอกจากนี้ก็มี กาแฟเขาช่องขนานแท้ เพราะปลูกที่ตำบลเขาช่อง ส่วนของที่ระลึกที่ขายดีคือ ไม้เทพทาโรแกะสลักเป็นรูปปลาพะยูน สัญลักษณ์ของจังหวัดตรัง

อัพเดทล่าสุด