แล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


1,031 ผู้ชม


 

แล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


โดย Tigger


          ไม้พุ่มสูงใหญ่ใบฝอยที่ผลิดอกออกช่อสีน้ำเงินอมม่วงช่วงหน้าแล้งประมาณธันวาคมถึงเมษายนนามว่า “ศรีตรัง” นี้ยืนต้นสลอนทั่ว “ตรัง” ด้วยเป็นต้นไม้ประจำจังหวัด  ชื่อของเมืองนี้มีที่มาจากหลายกระแส  บ้างก็ว่ามาจากคำว่า “ตรังค” ซึ่งแปลว่าลูกคลื่น  เพราะสภาพเมืองมีลักษณะสูง ๆ ต่ำ ๆ คล้ายลูกคลื่น  บ้างก็ว่ามาจากภาษามลายู “ตรังเล” ซึ่งแปลว่ารุ่งอรุณ  เนื่องจากพ่อค้าชาวมาเลย์ล่องเรือมาถึงปากแม่น้ำตรังยามอรุณรุ่งพอดี
         เมืองปักษ์ใต้เล็ก ๆ แห่งนี้มีชายหาดทอดยาวเลียบฝั่งอันดามันกว่า 100 กม.  ทิศเหนือจรดกระบี่และเมืองคอน (นครศรีธรรมราช) ทิศตะวันออกติดพัทลุง ตบท้ายด้วยสตูลทางทิศใต้  หากย้อนอดีตไปในสมัยกรุงเก่าเมื่อกว่า 500 ปีมาแล้ว  ตรังมีฐานะเป็นเมืองท่าของเมืองคอนซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองตอนล่าง  ต่อมาได้กลายเป็นท่าเรือพาณิชย์สำคัญในการค้าขายกับมลายูช่วงแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง  จวบจนยุคปัจจุบันที่นอกจากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันเงียบสงบและงดงามตามแบบ unseen ใต้สมุทรแล้ว  ตรังยังเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของอดีตผู้นำประเทศที่มีวาทะคมเฉียบเปรียบประดุจ “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง”  
          จุดหมายของการแล่งใต้ครั้งนี้ก็เพื่อเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีร่วมเรียงเคียงหมอนของญาติโกโหติกา  แรกเริ่มเดิมทีพวกเราวาดฝันกันว่าจะขับรถกินลมชมสวน (ยางพารา) ชวนชิม (อาหารทะเล) ไปตามด้ามขวานทอง  แต่ด้วยหนทางที่ยาวไกล  ประกอบกับสมาชิกร่อยหรอ  สองพ่อลูกเลยเปลี่ยนใจไปแบบเบิร์ด ๆ กับนกแอร์  บรรยากาศปักษ์ใต้เริ่มขึ้นด้วยเสียงทักทายสำเนียงใต้ของแอร์โฮสเตส  เพียงชม.เศษก็ถึงสนามบินตรังที่สุดแสนวิเวกวังเวงท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชะอุ่ม  เพราะมีแต่สายการบินเจ้าจิ๊บ ๆ บินขึ้นลงเพียงวันละเที่ยว

แล่งใต้สู่แดนศรีตรังแล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


ลองลิ้มแต้เตี้ยม..ชิมรสหมูย่าง

          เราเข้าเมืองโดยอาศัยรถบริการรับส่งของโรงแรมธรรมรินทร์ธนา  เพียงไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงที่พัก  หลังเก็บสัมภาระเข้าที่เข้าทางแล้วก็ถึงเวลาสืบเสาะแสวงหาของอร่อยประจำถิ่นด้วย “ตุ๊กตุ๊กหัวกบ” พาหนะแรงดีที่เหมาะกับสภาพเนินของเมือง  ว่ากันว่าคนเมืองนี้ช่างกินเพราะมีร้านโกปี้เปิดบริการบนถนนเกือบทุกสาย  บางแห่งเปิดเป็นเพื่อนคลายเหงาให้ซดโกปี้กันได้ตลอด 24 ชม...in trend ซะจริง ๆ  แต่ความพิเศษอยู่ที่การต้อนรับด้วยเครื่องเคียงนานาชนิดที่ส่วนใหญ่นิยมกินกันช่วงเช้าถึงเที่ยง เช่น จาก๊วย (ปาท่องโก๋นุ่มละไม) แต้เตี้ยม (ติ๋มซำ) บ๊ะจ่างสไตล์ฮกเกี้ยน (ลูกเล็ก ๆ ใส่แต่หมูคละเคล้าเครื่องยาจีน) แถมบางร้านยังมี “หมูย่าง” สูตรลับเฉพาะของชาวตรังไว้บริการด้วย  บริเวณถนนห้วยยอดที่โรงแรมตั้งอยู่มีร้านอาหารหลายหลาก  ซึ่งเพียงแค่โฉบผ่านก็ล้วนยั่วน้ำลายเรียกน้ำย่อย  บ้านโกหลั่นเสิร์ฟแต้เตี้ยมสารพัดสารพันพร้อมหมูย่างหนังกรอบเนื้อนุ่ม  นอกจากนี้ ยังมีผักสดให้แกล้มแก้เลี่ยนและเพิ่มความสบายใจไร้กังวลว่าได้รับคุณค่าทางอาหารครบหมู่  พร้อมด้วยโกปี้รสกลมกล่อมกลิ่นหอมกรุ่นร่อยจังฮู้...ติด ๆ กันเป็นร้านเครือเดียวกัน หมูย่างเมืองตรังที่เราหมายมั่นปั้นมือว่าจะกลับมาหอบหิ้วไปให้บรรดาคณาญาติได้ชิมรสกัน..ฟันธง  จากนั้นก็ได้เวลาเตรียมแปลงโฉมเข้าร่วมภารกิจช่วงเย็น  ขอเก็บตกนิดหนึ่งว่างานเลี้ยงที่นี่เริ่มและเลิกเร็ว  คงเป็นเพราะการจราจรไม่ติดขัดดังเช่นในเมืองกรุง  แถมแขกเหรื่ออาจมาจากต่างอำเภอเลยต้องรีบกินรีบจรลีจำลา
คารวะอดีตท่านเจ้าเมืองนักพัฒนา
          หลังตะวันทอแสงการตระเวนแดนศรีตรังเริ่มเปิดฉากด้วยรถเช่าเก่าบุโรทั่งที่โรงแรมช่วยจัดหาให้  เรามุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่พัทลุง  พอออกนอกเมืองชั่วพริบตาจะแลเห็นสวนสาธารณะที่มีถนนโอบล้อมโดยรอบ  ภายในมี อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี  (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ตั้งตะหง่านอยู่  ท่านเป็นอดีตเจ้าเมืองผู้วางรากฐานความเจริญให้กับตรังมากมายหลายด้านจนเป็นที่รักยิ่งของชาวเมืองตรัง ๆ จึงได้ร่วมลงขันกับทางการสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น  โดยจะมีพิธีวางพวงมาลาใน “วันพระยารัษฎานุประดิษฐ์” หรือทุกวันที่ 10 เมษายนซึ่งเป็นวันคล้ายวันถึงแก่อนิจกรรมของท่าน 
          ท่านเจ้าเมืองเป็นชาวระนองโดยกำเนิดแม้เทือกเถาเหล่ากอเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน  ต่อมาได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมัยองค์ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และภายหลังได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองตรัง  ท่านยังเป็นผู้ริเริ่มนำต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์จากต่างประเทศเข้ามาปลูกในแดนดินถิ่นสยาม เช่น ไม้พื้นเมืองจากออสเตรเลียที่ถูกขนานนามว่า “ศรีตรัง” เพื่อเป็นศักดิ์ศรีแห่งเมืองตรัง  รวมทั้ง “ยางพารา” จากมลายู  ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ  โดยต้นแรกที่ปลูกไว้เมื่อปี พ.ศ.2442 ยังคงโดดเด่นเป็นสง่าบริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรใน อ.กันตัง  
อุดหนุนสินค้า OTOP “ผ้านาหมื่นศรี”
          แล้วมุ่งหน้าสู่ บ้านนาหมื่นศรี หมู่บ้านเล็ก ๆ ใน อ.นาโยง  เพื่อร่วมสืบสานการอนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าพื้นบ้าน “นาหมื่นศรี” ซึ่งจำหน่ายทั้งผ้าฝ้ายผืน  และของที่ระลึกต่าง ๆ ที่ผลิตจากผ้าพื้นบ้านซึ่งล้วนน่าชมน่าใช้ทั้งเนคไท ผ้าพันคอ กระเป๋าใบใหญ่น้อย 

แล่งใต้สู่แดนศรีตรังแล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


สักการะพระนอนมโนราห์

           หลังจากนั้นตรงไปยัง ต.น้ำผุด ในเขต อ.เมือง เพื่อสักการะ “พระนอนมโนราห์” ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่เพิงถ้ำในวัดภูเขาทอง พระพุทธรูปสีทองอร่ามงามตาองค์นี้เป็นปางปรินิพพานองค์เดียวในประเทศที่พระเศียรทรงเทริดมโนราห์ (ชฎาไม่มียอด) ตามศิลปะของภาคใต้  คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยราว พ.ศ. 1493  ความยาวขององค์พระประมาณ 9 เมตร  ช่วงที่เราไปเยือนมีอุบาสกอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวกลุ่มใหญ่มาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้
ย้อนตำนานเค้กเลื่องชื่อ
          ต่อด้วยการเยือน บ้านลำภูรา ใน อ.ห้วยยอดเพื่อย้อนตำนาน “เค้กลำภูรา” เค้กนุ่มฟูก้อนกลมโตมีรูตรงกลางคล้ายโดนัทยักษ์  ต้นตำรับอยู่ที่ร้าน “ขุกมิ่ง” ซึ่งเป็นชื่อของหนุ่มจีนโพ้นทะเลที่โล้สำเภาหนีภัยสงครามมาขึ้นฝั่งที่นราธิวาสเมื่อปี พ.ศ. 2472  จากนั้นได้ขยับขยายไปทำมาหากินเลี้ยงปากท้องในหลายพื้นที่ละแวกนั้น  จนในที่สุดโยกย้ายมาตั้งหลักปักฐานที่บ้านลำภูราและเปิดร้านขายโกปี้  ด้วยหัวใจอันเปี่ยมล้นที่จะบริการโกปี้ร้อน ๆ ควบคู่กับขนมรสเลิศ   ทุกวันขุกมิ่งมุ่งมั่นปั่นล้อถีบกันน่องปูดเพื่อไปซื้อขนมจากในตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างไกลกว่า 20 กม.  ในขณะที่เจรจาการค้าไปพลางก็แอบครูพักลักจำวิธีทำขนมไปด้วย  ไม่นานนักจึงเริ่มทดลองอบเค้กโดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านดัดแปลงของใช้ในท้องถิ่นเป็นอุปกรณ์ทำขนม  เค้กขุกมิ่งจึงอุบัติขึ้น ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้  ปัจจุบันมีเค้กหลากรสในหลายร้าน  ซึ่งหาซื้อได้ทุกแห่งหนในเมืองตรัง  แต่ต้นตำรับต้องมีตรานกนางแอ่นคู่ถลาลมซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความอดทนที่สามารถบินไกลไปรอบโลก  นอกจากนี้ ยังมีขนมอีกจิปาถะที่ชื่อแปลกหูรสชาติแปลกลิ้น เช่น ขนมจีบไส้สังขยา (หน้าตาคล้ายกะหรี่ปั๊บ) แยมโรลไส้ถั่วดำ

แล่งใต้สู่แดนศรีตรังแล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


สัมผัสบรรยากาศริมเล

           หลังเอ้อระเหยกันพอควรก็บึ่งพาหนะแก่หงำเหงอะไปทางทิศตะวันตกสู่ หาดปากเมง หาดรูปเสี้ยววงพระจันทร์ใน อ.สิเกา ด้านเหนือของหาดนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คน  เพราะเป็นที่ตั้งของท่าเรือสำหรับเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลซึ่งมีปะการังงดงามไม่แพ้ที่ใด ๆ จึงเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้พิศวาสการดำน้ำเป็นที่ยิ่ง เช่น เกาะมุก ถ้ำมรกต เกาะเชือก เกาะม้า และเกาะแหวน รวมทั้งเกาะกระดานที่เป็นสถานที่จัดพิธีวิวาห์ใต้สมุทรในวันวาเลนไทน์ที่โด่งดังไปทั่วโลก  บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมตะวันตกทะเลที่สวยที่สุดในตรัง 
          ส่วนทิศใต้มีน้ำทะเลใสหาดทรายสวยเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนกายคลายจิต  หากแลเหลียวไปกลางทะเลใกล้แค่เอื้อมมีโขดเขาใหญ่คลับคล้ายคนนอนเหยียดยาวอยู่ นั่นคือ “เกาะเมง” บริเวณริมหาดเรียงรายด้วยต้นสนทะเลสลับกับร่มชายหาดพร้อมโต๊ะเก้าอี้ของร้านอาหารในละแวกนั้น  เราเลือกรับลมชมคลื่นพร้อมเพลิดเพลินเจริญปากด้วยประชาชีซีฟู้ดสด ๆ ที่ร้านปากเมงซีฟู้ด จานเด็ดที่ไม่ควรพลาด คือ “หอยชักตีนลวก”  เข้าใจว่าชื่อของหอยมาจากเวลากินต้องดึงส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายตีนหอยก่อนเพื่อนำตัวหอยออกมาจากเปลือก  
          หลังเขมือบกันเต็มคราบแล้วก็ไปชมทิวทัศน์กันต่อ  ชายหาดแถบนี้ถูกพิษสึนามิถาโถมเช่นกัน แต่เสียหายไม่มากนักแม้จะยังหลงเหลือร่องรอยบ้างเล็กน้อย  หากลัดเลาะตามถนนเลียบหาดไปสักระยะจะพบรูปปั้นฝูงพะยูน ซึ่งเป็นอนุสรณ์แห่งการอนุรักษ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่ใกล้สูญพันธุ์ของท้องทะเลตรัง  เพราะบริเวณนี้อุดมด้วยหญ้าทะเลนานาชนิดที่พะยูนโปรดปราน  นอกจากนี้ ยังมีป้ายเตือนให้ระวังภัยจากคลื่นยักษ์ตลอดแนว  ความจริงยังมีหาดอีกหลายแห่งที่มีธรรมชาติงดงามแปลกตาไล่เรียงไป
เรื่อย ๆ ตั้งแต่ หาดฉางหลาง หาดหยงหลิง หาดสั้น หาดยาว หาดเจ้าไหม  แต่เผอิญมีการซ่อมถนนจึงไม่สะดวกต่อการเดินทาง  จากนั้นกลับเข้าตัวเมือง  ไม่ไกลจากหอนาฬิกาจะสังเกตเห็นแมกไม้สีเขียวที่ทำเป็นแนวรั้วบ้าน  ที่นี่คือนิวาศสถานของอดีตนายกรัฐมนตรีขวัญใจชาวใต้...ยามตะวันรอนอ่อนล้าก็ได้เวลาอาหารค่ำ ณ ร้าน “แกงส้ม” ใกล้ ๆ ที่พัก  อาหารไทยและอาหารปักษ์ใต้ที่ร้านนี้รสชาติจี๊ดจ๊าดสะใจ  

แล่งใต้สู่แดนศรีตรังแล่งใต้สู่แดนศรีตรัง


          ยามรุ่งสางพวกเราตะเกียกตะกายไปแบกหมูย่างเมืองตรังของแท้และขนมพื้นเมืองมากมายเพื่อเป็นของกำนัลแก่ผองเพื่อน  ก่อนกลับมารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ซึ่งน่าหม่ำทั้งสไตล์ฝรั่ง กับข้าวแบบไทย หมี่ฮกเกี้ยน ขนมจีนน้ำยา ข้าวยำปักษ์ใต้ 
         แม้ว่าทริปสั้น ๆ แบบครึ่งฝันจะปิดฉากลงด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีด์  แต่ดินแดนปักษ์ใต้ยังแฝงด้วยมนต์เสน่ห์อีกนานัปการที่รอคอยผู้คนต่างถิ่นมาเชยชม...โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา  โอ่ โอ ปักษ์ใต้บ้านเรา  แม่น้ำ ภูเขา ทะเลกว้างไกล  อย่าไปไหน  กลับใต้บ้านเรา อย่าไปไหน  กลับใต้บ้านเรา...

อัพเดทล่าสุด