กลยุทธ์รวมขององค์กร (Overall Strategy)
ภารกิจหลักขององค์การจะบรรลุได้ก็ต่อเมื่อผู้บริหารจะต้องเลือกใช้กลยุทธ์หรือยุทธ์ศาสตร์ที่มีพลังเพียงพอ ซึ่งหมายถึงการเลือกใช้วิธีการที่จะทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ภายในองค์การ (Internal Resources) ผสมผสานกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเพื่อบรรจุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในอนาคต
1 กลยุทธ์ที่มุ่งหวังความสำเร็จ (Entrepreneurial Strategy)
จะถูกเลือกใช้เมื่อองค์การต้องนำผลิตภัณฑ์ใหม่ วิธีการใหม่ๆหรือรูปแบบการบริหารจัดการแบบใหม่เข้ามาใช้เพื่อมุ่งสู่ทิศทางใหม่ไปสู่ความสำเร็จ กลยุทธ์นี้จะใช้ประโยชน์โดยตรงจากความคิดริเริ่มและการกล้าเผชิญกับความเสี่ยง บุคคลากรขององค์กรจะถูกเร่งเร้าและกระตุ้นให้เร่งรัดสร้างความสำเร็จ และโทษของความล้มเหลวจะรุนแรงมาก อาจจะถึงถูกลงโทษ ถูกลดขั้นลดเกียรติยศหรือแม้กระทั่งถูกออกจากงาน
2 กลยุทธ์การเติบโตอย่างมีพละกำลัง (Dynamic Growth Strategy)
จะถูกเลือกใช้เมื่อองค์การต้องการเพิ่มเติมสมรรถนะในการสร้างความสำเร็จเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังมุ่งพัฒนาความสามารถเดิมให้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาบุคคลากร การวางแผนและการตรวจสอบที่รัดกุมและการบำรุงขวัญ,กำลังใจของทีมงาน ทั้งนี้องค์กรจะยอมรับความเสี่ยงที่ได้คิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว
3 กลยุทธ์ของผู้วิเคราะห์ (Analyzer Strategy)
จะถูกเลือกใช้เมื่อองค์การต้องการเจริญเติบโตอย่างระมัดระวัง โดยใช้ประโยชน์ของจุดแข็งที่มีอยู่แล้ว ขยายช่องทางการตลาดเดิมที่มีอยู่เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากขึ้น อาจรวมถึงการใช้ความสามารถเฉพาะทางที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจอย่างเป็นระบบระเบียบด้วย
4 กลยุทธ์ของผู้ปกป้อง (Defender Strategy)
จะถูกเลือกใช้เมื่อองค์การต้องการปกป้องส่วนแบ่งการยึดครองตลาดเอาไว้ โดยการขายให้มากขึ้นในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะเลือกใช้ได้ดีก็ต่อเมื่อตลาดมีความแน่นอนสูง ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ และผลิตภัณฑ์หรือบริการมีระดับคุณภาพอันเป็นที่พึงพอใจของลูกค้า
5 กลยุทธ์ของผู้ถนอมตัว (Rationalization Strategy)
จะถูกเลือกใช้เมื่อองค์การจำเป็นต้องรักษาผลกำไรเอาไว้ให้ได้โดยการควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายต่างๆลงในสภาวะที่ความสามารถในการแข่งขันลดลง และคู่แข่งขันเร่งก้าวนำไปข้างหน้าอย่างรุนแรงมากขึ้น อันอาจจะเกิดจากการอ่อนล้าของระบบต่างๆ ซึ่งอาจจำเป็นต้องปิดบางหน่วยงานที่ไม่มีประสิทธิภาพลง อันอาจส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของพนักงานจนถึงขั้นที่องค์การต้องตัดสินใจยกเครื่อง (Re-engineering) องค์การก็อาจจะเป็นได้
6 กลยุทธ์การย่อยสลายองค์การ (Liquidation Strategy)
จะถูกเลือกใช้ เมื่อองค์การประสบปัญหาด้านการลดลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่องของผลกำไร ซึ่งอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันของสิ่งแวดล้อมภายนอก หรือจากการคาดการณ์ผิดในการบริหารองค์การ กลยุทธ์นี้อาจจะคล้ายกับกลยุทธ์ของผู้ถนอมตัวเพียงแต่กลยุทธ์การย่อยสลายองค์การจะใช้วิธีคัดสรรบุคลากรที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางไว้เพื่อสร้างความอยู่รอดและเติบโตแล้วปล่อยให้พนักงานที่เหลือหลุดออกจากองค์กรไป
7 กลยุทธ์การพลิกฝ่ามือ (Turnaround Strategy)
ถูกเลือกใช้เมื่อองค์กรประสบปัญหาอย่างร้ายแรงจนอาจจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างต่างๆในระยะสั้นเพื่อให้องค์กรดำเนินการและอยู่รอดต่อไปได้ หลังจากที่พิจารณาแล้วว่าไม่สามารถจะใช้ทั้งกลยุทธ์ของผู้ถนอมตัว และกลยุทธ์การสลายองค์กรได้ และเมื่อเริ่มประสบผลแล้ว ก็อาจเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์มุ่งหวังความสำเร็จ (Entrepreneurial Strategy) ต่อไป
หากพิจารณากลยุทธ์ทั้งหมดแล้วจะพบว่า กลยุทธ์มุ่งหวังความสำเร็จ กลยุทธ์การเติบโตอย่างมีพละกำลัง และกลยุทธ์ของผู้วิเคราะห์เป็นกลยุทธ์ที่เลือกใช้ เมื่อองค์กรกำลังอยู่ในช่วงเติบโตหรือขาขึ้น ในขณะที่อีก 4 กลยุทธ์ เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เมื่อองค์กรกำลังอยู่ในช่วงถดถอยหรือขาลง
สำหรับองค์กรขนาดเล็ก มักจะเลือกใช้กลยุทธ์หนึ่งกลยุทธ์ใดเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ อาจต้องใช้มากกว่าหนึ่งกลยุทธ์ประกอบกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรใหญ่ที่ประกอบธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งแต่ละส่วนขององค์กรจะได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม
เอกสารอ้างอิง
BRIAN L. DELAHAYE (2005) HUMAN RESOURCE DEVELOPMENT ADULT LEARNING AND KNOWLEDGE MANAGEMENT 2nd EDITION John Wiley & Sons Australia,Ltd.
ศึกษาโดย นางสาวฐิติวรรณ สินธุ์นอก นักศึกษาปริญญาเอก โครงการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โดย ฐิติวรรณ สินธุ์นอก