6 อาหารที่มีคาเฟอีนแฝงอยู่ บอกเลย ถึงไม่ดื่มกาแฟก็หนีไม่พ้น
อย่าคิดว่าไม่ดื่มกาแฟก็จะรอดตัวจากคาเฟอีนเพราะอาหาร 6 ชนิดนี้มีคาเฟอีนแฝงอยู่ด้วย !
บางครั้งเรารู้สึกอ่อนเพลียเปลี้ยร่างเหลือเกินจนต้องอาศัยคาเฟอีนมาช่วยกระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว แต่ทราบไหมคะว่าคาเฟอีนก็มีด้านมืดที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพเราได้เช่นกัน ดังนั้นหากเผลอกินคาเฟอีนในปริมาณที่เกินขนาดก็เสี่ยงไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญอาหารที่มีคาเฟอีนยังไม่ใช่แค่ชาและกาแฟเท่านั้นแต่รวมถึงอาหารมีคาเฟอีนเหล่านี้ด้วยที่ควรต้องระวัง
1. ชาร้อน
ฐานข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรสหรัฐอเมริกา เผยว่าชาเขียวร้อนมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 25 มิลลิกรัมต่อปริมาณบรรจุ 8 ออนซ์หรือเท่ากับ 236.6 มิลลิลิตร และชาดำร้อนมีคาเฟอีน 47 มิลลิกรัมต่อปริมาณชาดำ 8 ออนซ์ ในขณะที่ชาร้อนสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 26 มิลลิกรัมต่อ 8 ออนซ์ ดังนั้นเหล่าทีเลิฟเว่อร์อย่าชะล่าใจไปว่ากินชาจะรับคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ เพราะเผลอ ๆ ชาบางชนิดจะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟสำเร็จรูปบางยี่ห้ออีกด้วย
2. ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลต 1 แท่งขนาดบรรจุ 162 กรัมโดยประมาณจะประกอบไปด้วยคาเฟอีนราว 45-59 มิลลิกรัมขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของผงโกโก้ ทั้งนี้กรมวิชาเกษตรสหรัฐอเมริกาก็เผยว่าอาหารที่ให้คาเฟอีนจริง ๆ นั้นคือโกโก้ที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งในช็อกโกแลตนั่นเอง ฉะนั้นช็อกโกแลตแท่งไหนทำจากโกโก้แท้และยิ่งเข้มข้นเท่าไรปริมาณคาเฟอีนก็จะยิ่งสูงขึ้น รู้อย่างนี้พยายามจำกัดปริมาณการรับประทานช็อกโกแลตและโกโก้ไว้หน่อยก็ดี
3. ไอศกรีม
อ๊ะ ! ในไอศกรีมก็มีช็อกโกแลตนะคะโดยเฉพาะไอศกรีมที่มีส่วนผสมของโกโก้ (ช็อกโกแลต) และไอศกรีมที่มีส่วนผสมของกาแฟ โดยปริมาณคาเฟอีนในไอศกรีมในถ้วยขนาดบรรจุ 4 ออนซ์หรือประมาณ 113.4 กรัมจะอยู่ราว ๆ 10-45 มิลลิกรัม บอกได้เลยว่าแม้ไอศกรีมจะหวานเย็นชื่นใจแต่อย่าเผลอกินจนเพลินเลยเชียว
4. เครื่องดื่มชูกำลัง
แน่นอนว่าคาเฟอีนจะต้องปะปนอยู่ในเครื่องดื่มชูกำลังไม่มากก็น้อย เพราะเครื่องดื่มที่ให้พลังงานเหล่านี้ชูจุดเด่นในเรื่องคืนความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกาย ซึ่งแต่ละยี่ห้อและชนิดของเครื่องดื่มชูกำลังก็จะให้ปริมาณคาเฟอีนที่ไม่เท่ากัน อีกทั้งเผลอ ๆ ในฉลากอาจไม่โชว์ส่วนประกอบของคาเฟอีนด้วย โดยเฉพาะหากเครื่องดื่มชนิดนั้นมีคาเฟอีนอยู่น้อยมากและมีปริมาณไม่ถึงเกณฑ์ที่สำนักงานอาหารและยาบังคับให้ต้องแจ้งโชว์ในฉลาก ดังนั้นบางทีเราอาจดื่มเครื่องดื่มและอาหารที่มีคาเฟอีนผสมอยู่แต่ไม่รู้ตัวก็ได้
5. เมล็ดทานตะวัน
แม้เมล็ดทานตะวันจะไม่มีคาเฟอีนสายตรง แต่มีกรดอะมิโนที่ให้พลังงานอย่างทอรีน (taurine) และไลซีน (lysine) ผสมอยู่ ดังนั้นเมล็ดทานตะวันประมาณ 1 ถ้วยตวงจึงมีสารช่วยกระตุ้นเทียบเท่าปริมาณคาเฟอีนประมาณ 140 กรัมเชียวล่ะ เห็นไหมว่าบางทีธัญพืชก็ใช่ว่าจะให้แต่ประโยชน์ดี ๆ ด้านเดียว เพราะหากกินเยอะไปไม่ดูตาม้าตาเรือรับรองงานนี้มีตาตั้งตลอดคืนนอนไม่พอ ส่งผลต่อสุขภาพอีกบานพะเรอเลยนะเอ้า
6. ยาแก้ปวด
แม้ไม่ได้จัดอยู่ในลิสต์อาหาร ทว่าส่วนประกอบหนึ่งในตัวยาแก้ปวดจะมีคาเฟอีนอยู่ด้วย และยาแก้ปวด 2 เม็ดจะมีปริมาณคาเฟอีนสูงถึง 130 มิลลิกรัมเชียวล่ะ ส่วนเหตุผลที่เราเจอคาเฟอีนในยาแก้ปวดแบบนี้ก็เนื่องจากคาเฟอีนมีฤทธิ์ระงับอาการปวดได้ เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณที่ฉลากหรือเภสัชกรกำหนดเท่านั้น หากรับตัวยาเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายจะรับไหวก็จะได้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามซึ่งก็คืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงนั่นเอง ดังนั้นอย่าเผลอกินยาแก้ปวดเกินวันละ 2 เม็ดเชียวนะคะ
รู้จักโทษของคาเฟอีน
คาเฟอีนแก้ง่วงได้ก็จริงแต่อย่างที่บอกว่าหากรับคาเฟอีนเข้าร่างกายมากไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน เบาะ ๆ ก็ทำให้นอนไ่ม่หลับซึ่งก็กระทบการทำงานของสมองและฮอร์โมน เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วนลดประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และหากสร้างความเคยชินให้ร่างกายติดคาเฟอีนอย่างหนัก เคสนี้คนติดคาเฟอีนจะรู้สึกปวดหัวขั้นรุนแรง หงุดหงิด กระสับกระส่าย ซึมเศร้า น้ำมูกไหล คลื่นไส้ ง่วงซึม และไม่อยากทำงานเลยล่ะ
ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมคะว่า หากอยากรอดพ้นจากคาเฟอีน อาหารประเภทไหนบ้างที่ควรเลี่ยงหรือกินในปริมาณที่จำกัดจะได้ไม่เสี่ยงอันตรายจากคาเฟอีนกันเนอะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก