สปสช ได้รวบรวมข้อสงสัยต่างๆพร้อมนำมาไขข้อข้องใจ 6 เรื่องสำคัญที่ผู้มีสิทธิบัตรทอง
“บัตรทอง” หรือ สิทธิสปสช. คือ สิทธิรักษาพยาบาล ให้กับผู้ที่มีสัญชาติไทย มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก และไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้ ยกเว้นว่าจะมีสิทธิรักษากับประกันสังคม และสิทธิบัตรข้าราชการอื่นๆ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ได้รวบรวมข้อสงสัยต่างๆพร้อมนำมาไขข้อข้องใจ 6 เรื่องสำคัญที่ผู้มีสิทธิบัตรทอง ควรรู้ไว้ ดังนี้
- 4 วิธีเช็กสิทธิบัตรทอง
- โทรสายด่วน สปสช.1330 กด 2
- เว็บไซต์ www.nhso.go.th สำหรับประชาชน ตรวจสอบสิทธิ
- แอปพลิเคชันชื่อ สปสช. ทั้งในระบบ Android และ IOS เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิตนเอง
- ตรวจสอบสิทธิผ่าน ไลน์ สปสช. โดยสแกน QR code เลือกเมนู ตรวจสอบสิทธิ
- เปลี่ยนหน่วยบริการ
ย้ายหน่วยบริการประจำ เกิดสิทธิทันที ด้วยสมาร์ทโฟน ทำง่ายๆผ่าน 2 ช่องทาง
- ช่องทางที่ 1 ดาวโหลดแอปพลิเคชันชื่อ สปสช. ทั้งในระบบ Android และ IOS เลือกทำรายการ "ลงทะเบียน เปลี่ยนแปลงหน่วยบริการ
- ช่องทางที่ 2 เพิ่มเพื่อนไลน์ สปสช.(@nhso)
- เปลี่ยนหน่วยบริการประจําปี ได้ที่ไหนบ้าง?
หากไม่สะดวกดําเนินการผ่านสมาร์ทโฟน สามารถทําได้ดังนี้
1.ติดต่อด้วยตนเองในวันเวลาราชการ
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (รพ.สต.) หรือสถานีอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลของรัฐ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1-12
2.ระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ
- โทร.1330 กด 2 ตามด้วยเลขประจําตัวประชาชน 13 หลักและกด # กดโทรออก
- เปลี่ยนหน่วยบริการประจำ ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
- หากที่พักอาศัยปัจจุบันตรงกับบัตรประชาชน ใช้บัตรประจําตัวประชาชนตัวจริง
- เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถ้าไม่มีบัตรประชาชนให้ใช้สูติบัตร (ใบเกิด)
- เปลี่ยนหน่วยบริการ กรณีที่พักไม่ตรงกับทะเบียนบ้านแค่แสดงหลักฐานเพิ่ม อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
- หนังสือรับรองการพักอาศัยจากเจ้าบ้าน พร้อมสําเนาทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองจากผู้นําชุมชน พร้อมสําเนาบัตรประชาชน ของผู้นําชุมชน
- -เอกสารหลักฐานแสดงที่ตั้งบริษัท/ห้างร้าน นายจ้าง/ผู้ว่าจ้างรับรอง การพักอาศัยจริง พร้อมสําเนาบัตรประชาชนของผู้ว่าจ้าง/ผู้รับจ้าง
- -เอกสารหรือหลักฐานอื่น ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภคต่างๆ หรือ สัญญาเช่าที่มีชื่อตนเองที่แสดงว่าพักอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ
*กรณีมอบหมายให้ผู้อื่นลงทะเบียนแทน (ต้องมีหนังสือมอบอํานาจ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอํานาจ พร้อมสําเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอํานาจ
- เปลี่ยนหน่วยบริการได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สปสช. โทร.สายด่วน 1330
- เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ คนไทยทุกคน ไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายในการรักษา สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ ในโรงพยาบาลใกล้ที่สุดทั้งรัฐและเอกชน โดยรัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 72 ชั่วโมงแรก
6 อาการที่เข้าข่ายภาวะฉุกเฉิน
- หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
- หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
- ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็นหรือมีอาการชักร่วม
- เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง
- แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัดแบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
- มีอาการอื่นที่มีผลต่อการหายใจ ระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่เป็นอันตรายต่อชีวิต
ข้อควรปฏิบัติในการ นําผู้ป่วยฉุกเฉินไปโรงพยาบาล
- เตรียมบัตรประชาชนไปด้วย
- เข้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
- ยื่นบัตรประชาชนของผู้ป่วย (ถ้ามี) พร้อมแจ้งขอใช้สิทธิฉุกเฉิน
- หากโรงพยาบาลเรียกเก็บเงิน ให้ยืนยันการใช้สิทธิฉุกเฉิน โดยอ้างสิทธิตามนโยบายรัฐบาล
- เมื่อแพทย์แจ้งว่าผู้ป่วยพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้ให้ประสานโรงพยาบาลตามสิทธิ เพื่อรับการรักษาต่อเนื่อง
- หากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิ
- แจ้งเรื่องได้ที่ สปสช. สายด่วน 1330
- สอบถามข้อมูลเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ โทรสายด่วน 1669