พยาธิภาพดโรคหลอดลมอักเสบ แผนการสอนโรคหลอดลมอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ (bronchitis)
หลอดลมขนาดเล็กอักเสบเฉียบพลัน (Acute Bronchiolitis) เมื่อลูกของคุณมีอาการหอบเหนื่อย
หลอดลมขนาดเล็กอักเสบมีสาเหตุจากการติดเชื้อแล้วทำให้หลอดลมขนาดเล็ก ที่ต่อไปยังปอดเกิดการอักเสบแล้วตีบแคบ มีเสมหะมากขึ้น ทำให้หายใจลำบาก
- ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กเล็กที่มีหลอดลมขนาดเล็กอยู่แล้ว ทำให้อุดตันง่ายมากขึ้น
- มักจะเกิดในช่วง 2 ขวบแรกครับ สูงสุดที่อายุ 3-6 เดือน
- เกิดในเด็กผู้ชายมากกว่า เกิดในเด็กที่ไม่ได้เลี้ยงด้วยนมแม่มากกว่า และเกิดกับเด็กที่อยู่ในที่ๆแออัดมากกว่า
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ง่ายมากขึ้น หากได้รับควันบุหรี่ครับ
แม้ว่าส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง แต่ในบางรายก็จะรุนแรงจนต้องรักษาที่โรงพยาบาล และมีความเสี่ยงสูงในเด็กคลอดก่อนกำหนด มีโรคหัวใจหรือโรคปอดแต่กำเนิดหรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่องครับ
เด็กที่เป็นโรคหลอดลมขนาดเล็กอักเสบมักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดตามมา ยากครับที่จะบอกว่าหลอดลมอักเสบเกิดก่อน หรือโรคหอบหืดเกิดก่อน
ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ RSV (Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งเชื้อ RSV มักจะทำให้เกิดการติดเชื้อที่หลอดลมฝอยขนาดเล็กได้มากถึง 50% เลยทีเดียว เชื้อชนิดอื่นที่ทำให้เกิดโรคได้เช่นกันได้แก่ Rhinovirus , เชื้อไข้หวัดใหญ่ ครับ
อาการที่เกิดขึ้น
อาการแรกมักจะมีอาการเหมือนกับโรคหวัดครับ
- มีคัดจมูก
- ไอ
- ไข้ต่ำๆ
หลังจากนั้นอีก 2-3 วันก็จะมีไอ แล้วหอบเหนื่อยหายใจลำบากครับซึ่งจะมีอาการคือ
- หายใจเร็ว
- หัวใจบีบตัวเร็ว
- หน้าอกบุ๋มระหว่างหายใจ
- ระสับระส่าย ไม่ยอมนอน ไม่ดูดนม
บางครั้งอาจมีอาการอาเจียนหลังการไอ บางรายหยุดหายใจได้ ในรายที่รุนแรงอาการจะเลวลงเร็วครับ และจะมีอาการหอบเหนื่อย เนื่องจากเสมหะอุดตันหลอดลม เด็กอาจขาดน้ำเนื่องมาจากว่าต้องหายใจอย่างหนักครับ
เชื้อนี้สามารถแพร่กระจายได้ครับ ผ่านทางเสมหะ และน้ำลายครับ
การป้องกัน
วิธีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อนั่นคือ การล้างมือครับ และไม่ให้เด็กติดต่อกับคนที่มีอาการ ไข้ ไอ อย่าให้คนสูบบุหรี่ภายในบ้านที่อยู่อาศัยครับ
โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันนะครับ
โดยทั่วไปมักจะหายเองภายใน 12 วัน แต่เด็กบางคนอาจไอได้เป็นสัปดาห์
การรักษา
โชคดีครับ ที่โรคนี้ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะอาจไม่จำเป็นในรายที่เกิดจากไวรัส แต่ว่าถ้าเกิดจากแบคทีเรียก็จำเป็นครับ บางครั้งแพทย์อาจสั่งยาที่ช่วยขยายหลอดลมร่วมด้วย
เด็กบางคนอาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ดังนั้นให้แพทย์ตรวจทุกครั้งครับ โดยเฉพาะถ้าเด็กมีอาการหายใจเร็ว หน้าอกบุ๋ม ซึ่งแพทย์ก็จะให้น้ำเกลือและให้ออกซิเจนร่วมด้วยกับการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดครับ น้อยรายที่จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
การรักษาที่บ้าน
แนะนำให้ดื่มน้ำครับ ถ้าเด็กไม่ยอมดื่มน้ำ อาจให้เด็กได้รับน้ำทีละน้อยโดยการตักป้อนบ่อยๆก็ได้ครับ
บางครั้งอากาศที่แห้งอาจทำให้เด็กขับเสมหะได้ยากมากขึ้น บางครั้งอาจ
ถ้าเด็กมีไข้ ให้รับประทานยาลดไข้ครับ ถ้าเด็กมีน้ำมูกอาจใช้ลูกยางดูดน้ำมูกออกครับ
แหล่งที่มา : thaifittips.com