อ่านเรื่องราวที่ประชาชนถ่ายทอดออกมา ว่าทำไมถึงรักพระเจ้าอยู่หัวองค์นี้
THE KING IN THAI HEARTS
เนื้อหาเหมาะสำหรับระดับชั้น ม.1-ม.6
สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้
ได้อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ตัวชี้วัด ม.4-6/2 อธิบาย/อภิปรายวิถีชีวิต ความคิด ความเชื่อ และที่มาของขนบธรรมเนียม
และประเพณีของเจ้าของภาษา
KING IN THAI HEARTS: Why Thai People Hold HM the King So High in Their Reverence and Endless Love
เมื่อ BBC มาขอสัมภาษณ์ในหลวง เพื่อออกรายการสารคดี The Soul of Nation ในปี ค.ศ.1979 ท่านทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า
“To explain the meaning of the term “monarch” seems to be a question quite difficult to answer, especially, in my own case as I’m being known generally as the MONARCH. In fact, my role is far from being a duty of a monarch
as generally understood before. My present duty is to do whatever useful. If asked how many plans I have for the future. My answer is I have no plan. We don’t know what will happen in the future. But no matter what would happen, I will choose to do only useful things, which I think that’s good enough for me.”คิดว่า ไม่มีใครตอบคำถามว่า ทำไมคนไทยถึงรักในหลวงได้ดีไปกว่า ราษฎรของพระองค์
1.
“…. ผมเคยอยู่มาแล้วหลายแผ่นดิน แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินใดที่คนทั้งเมืองเขาเป็นเจ้าเข้า เจ้าของ ให้ความเคารพบูชาอย่างสนิทสนมอย่างทุกวันนี้…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลก่อน ๆ ทรงครองแผ่นดิน แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลนี้ทรง “ครองใจคน..”
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
“…I have lived through many reigns but I have never seen any king of any reign that all people of the this country seem to think that HM the King belongs to them and give so much respect and reverence up close and personal as I see today… the kings of prior reigns had ruled the land. But HM the King of this present reign has ruled the hearts of the people…”
M.R. Kukrit Pramoj
(The late Mom Rajawongse Kukrit Pramoj was the 13th prime minister of Thailand of cabinet No. 36 from Mar. 14, 1975 to Jan 12, 1976)
2.
“ดอกไม้จากหัวใจ”
ที่นครพนม บนเส้นทางรับเสด็จตรงสามแยกชยางกูร-เรณูนคร บ่ายวันที่ 13 พ.ย. 2498 อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญที่กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ
ภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ
วันนั้นหลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง 2 พระองค์ได้เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูก จูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนอย่างเนืองแน่น ดังเช่นครอบครัวจันท์นิตย์ ที่ลูกหลานช่วยกันนำ แม่ตุ้ม จันท์นิตย์ วัย 102 ปี ไปรอรับเสด็จ ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้าน 700 เมตร โดยลูกหลานได้จัดหาดอกบัวสายสีชมพูให้แม่เฒ่าจำนวน 3 ดอก และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุดเปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจรักภักดีของหญิงชรายังเบิกบาน เมื่อเสด็จฯ มาถึงตรงหน้า แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจบเหนือศีรษะแสดงความจงรักภักดี อย่างสุดซึ้ง พระเจ้าแผ่นดินทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของแม่เฒ่า ทรงแย้มพระสรวลอย่างเอ็นดู พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชรา ชาวอีสานอย่างอ่อนโยน
เป็นคำบรรยายเหมือนไม่จำเป็น สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม
เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคน สำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลานและเหลนของแม่เฒ่าเล่าว่า “หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว ทางสำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม พร้อมทั้งพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแผ่นมาทางอำเภอพระธาตุพนมให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก”
พระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ายืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุขต่อมาอีกถึงสามปี เต็ม ๆ แม่เฒ่าตุ้ม จันท์นิตย์ ราษฎรผู้โชคดีที่สุดคนหนึ่งในรัชกาลที่ 9 สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชราเมื่ออายุได้ 105 ปี
ข้อมูลจาก “แม่เฒ่าตุ้ม จันท์นิตย์” ภาคพิเศษโดย คุณหญิงศรีนาถ สุริยะ วารสารไทย
Flowers from the Heart
In Nakorn Phanom on the route for HM the King’s convoy to pass a point known as Chayangkura- Renu Nakorn 3-way junction on Nov. 13, 1955 in the afternoon, Mr. Anat Bunnag, the division chief of HM the King private photographers had snapped a moment of truth picture that has become one of the country’s historic photographs.
After HM the King finished his merit-making rite at Wat Thatphanomvaramahaviharn in the morning, Their Majesties the King and Queen traveled by car to stay for a night at the Governor’s official residence. The local people who got the news gathered at the roadsides with their children in tow, creating a large crowd to watch Their Majesties. The Chandnit family members of Grandma Toom, at 102 years old, brought her to wait for the royal convoy to pass at a roadside spot about 700m from their home. The grandma’s children brought along a bunch of 3 pink lotus flowers for her to hold in her hands in reverence of Their Majesties and brought her to the front line as close as possible to watch her King and Queen.
It’s a hot day with the bright sunshine from the morning to early afternoon, making the lotus flowers in the hands of Grandma Toom wilted and drooping but her face was still fresh with happiness. When Their Majesties’ car stopped in front of her, the old woman lifted her hands with the 3 wilting lotus flowers in her palms above her head, as a sign of high respect and deep loyalty. His Majesty stepped out from the car and walked over to the old woman. HM the King bent down to her as low as possible, his face nearly touched the old woman’s face. His Majesty smiled, his expression of kindness radiated out, and reached out his hand to gently touch the coarse and aging hands of the old north-easterner. It’s a scene that needed no description and a picture that description was not necessary. No one knows what His Majesty whispered to the grandma. But she will never forget.
Likewise, His Majesty has never forgotten that old citizen he met on the roadside that day. Grandchildren of the old woman related, “After Their Majesties got back to Bangkok, the Royal Palace Bureau had sent Grandma Toom a picture of that moment of truth between His Majesty and herself together with a miniature plaster-molded image of her beloved King through the Office of Phra Thatphanom District for her keepsakes.”
The immeasurable royal kindness might have given the old grandma and extended age for another 3 years. Grandma Toom Chandnit, one of the most lucky citizens in the 9th Reign, passed away peacefully of her old age at 105 years.
Source: “Grandma Toom Chandnit, a story written by Kunying Srinath Suriya, in Thai Magazine
3.
“ต่อไปจะมีน้ำ”
บทความ “น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชื่นธารา” เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธ.ค.2528 ได้เล่าให้ผู้อ่านชาวไทยได้ประจักษ์ถึงเรื่องอัศจรรย์ของ “ในหลวง” กับ”น้ำ” ที่เกิดขึ้นในคำวันหนึ่งของเดือน ก.พ.2528
ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมา จากต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนัก หญิงชราคนนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูล ด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า”ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้เราเอาน้ำมาให้”
แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระ ดำเนินกลับไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอดห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฏว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง จู่ ๆ ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีทำให้
ผู้ตามเสด็จและราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงงไปตาม ๆ กัน
There Will Be Water Later On
In an article, “The Holy Water is Falling Down in Sparkling Streams of Cristal-Clear Rain Drops to Bring Wetness to Our Land All Over”, written by Manoon Mukpradith in the daily Thai Rath on Dec 5, 1985 to tell a story of a miracle happened during a late evening, one day in Feb. 1985. (The article’s title comes from a passage in the lyric of one of His Majesty’s hit songs, The Falling Rain.)
With a heart filled with lots of suffering from a serious drought, an old local woman, who had waited to see HM the King on a royal visit to a faraway village, crawled up close to His Majesty and embraced his feet. She said with tears falling down her cheeks to His Majesty, asking for royal help in bringing water to the village. His Majesty said, “Grandma, don’t worry. There will be water later on. I’ll bring water to you.”
His Majesty, then, walked back to the royal car, parked about 5 metres away. Suddenly, the extremely dry and hot air changed to a downpour for the first time in 5 years. The rain surprised all officers in His Majesty’s convoy and the local villagers. It’s like a miracle to all of them.
Source: Thai Rath
คำถามนำเข้าสู่บทเรียน
1. On behalf of the King's Birthday, lets discuss about why do Thai people
love him.
2. How do peple celebrate on this day?
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนเขียนบทความสั้นๆ เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การบูรณาการกับกลุ่มสาระฯอื่น
กลุ่มสาระฯ ภาษาไทย สังคมศึกษาฯ ศิลปศึกษา
ที่มา :
https://antithaksin.wordpress.com/2009/10/18/king-in-thai-hearts-why-thai-people-hold-hm-the-king-so-high-in-their-reverence-and-endless-love/
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=4821